รอยเตอร์ – สหภาพยุโรป (อียู) เตือนรัฐบาลจีนวานนี้ (22 มิ.ย.) ให้รักษาคำมั่นสัญญาเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ พร้อมเตือนถึง “ผลเสียร้ายแรง” หากเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่กับฮ่องกง ซึ่งโลกตะวันตกเชื่อว่าจะเป็นการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่นั่น
อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดแถลงข่าวหลังประชุมผ่านระบบวิดีโอคอลล์กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีนเมื่อวานนี้ (22) โดยระบุว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับจีนมีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงยุทธศาสตร์ และถือเป็นความท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งที่เรามี”
ชาร์ลส มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป เอ่ยปากตัดพ้อปักกิ่งว่าไม่ได้ตอบสนองไมตรีที่ยุโรปหยิบยื่นให้แก่บริษัทจากแดนมังกร
ฟอน เดอร์ เลเยน ชี้ว่า จีนซึ่งเป็นทั้งหุ้นส่วนและคู่แข่งในเวลาเดียวกันยังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเมื่อปี 2019 ซึ่งกำหนดให้มีการเปิดทางให้บริษัทสัญชาติยุโรปเข้าถึงตลาดจีนมากยิ่งขึ้น หรือยกเลิกกฎระเบียบที่ให้นักลงทุนต่างชาติต้องแชร์เทคโนโลยีต่างๆ กับบริษัทหุ้นส่วนในจีน
หวัง ลู่ถง (Wang Lutong) หัวหน้าสำนักงานยุโรปของกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ดำเนินการคืบหน้าไปแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเงินสีเขียว (green financing) และการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล พร้อมขอให้ยุโรปใช้ความ “อดทน” สักหน่อย
สหภาพยุโรปตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตั้งแต่ก่อนจะเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาด โดยจำเป็นที่จะต้องรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ทั้ง 2 ฝ่าย
สื่อจีนรายงานว่านายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ยังคงแสดงความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์กับยุโรป โดยระบุว่าจีนและอียูมีความเป็น “หุ้นส่วน” มากกว่าคู่แข่ง
อียูเรียกร้องความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในส่วนของข้อตกลงด้านการลงทุนซึ่งเปิดเจรจากับจีนมาตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงความเคลื่อนไหวเชิงบวกในด้านยานยนต์, ไบโอเทค และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และยังต้องการให้จีนจำกัดมาตรการอุดหนุนบริษัทของรัฐด้วย
เยอรมนีได้ขอเลื่อนการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำอียูกับ สี จิ้นผิง ในเดือน ก.ย. โดยอ้างถึงสถานการณ์โควิด-19 แต่นักการทูตหลายคนชี้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเจรจาข้อตกลงด้านการลงทุนไม่มีความคืบหน้า
มิเชล และ ฟอน เดอร์ เลเยน ยังได้แสดงความกังวลต่อ หลี่ และ สี กรณีที่จีนจะนำกฎหมายความมั่นคงมาบังคับใช้กับฮ่องกง ซึ่งทำให้นักเคลื่อนไหว นักการทูต และภาคธุรกิจบางรายเกรงว่าจะกระทบต่ออำนาจปกครองตนเองขั้นสูง และสถานะความเป็นศูนย์กลางการเงินโลกของเกาะแห่งนี้
รัฐสภายุโรปลงมติเรียกร้องเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (19) ให้อียูยื่นฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice - ICJ) หากจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง และให้กลุ่มชาติยุโรปเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อโน้มน้าวให้จีนระงับแผนดังกล่าว ซึ่งทำให้สภาผู้แทนประชาชนจีนออกมาแถลงตอบโต้อย่างรุนแรงในวันเสาร์ (20)
“เรายังเตือนจีนว่าอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงตามมา หากยังเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายนี้” ฟอน เดอร์ เลเยน ระบุโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม “สหภาพยุโรปได้ประสานไปยังหุ้นส่วนในกลุ่ม G7 และเราก็แสดงจุดยืนชัดเจนไปยังคณะผู้นำจีน เพื่อให้พวกเขาทบทวนการตัดสินใจ”
หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงที่กรุงปักกิ่งว่า “การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงถือเป็นกิจการภายในของจีน” และจีนคัดค้าน “การแทรกแซงจากต่างชาติ” ในทุกๆ รูปแบบ