เอพี - ตามหลังการประท้วงยืดเยื้อนานหลายสัปดาห์นับตั้งแต่การเสียชีวิตด้วยน้ำมือตำรวจของจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ล่าสุด ในวันอังคาร (16 มิ.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษด้านปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเขาบอกว่าจะช่วยส่งเสริมตำรวจปฏิบัติตัวดีขึ้น และจัดทำฐานข้อมูลสำหรับติดตามบรรดาเจ้าหน้าที่ที่มีประวัติถูกร้องเรียนใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
ในการแถลงข่าวที่บริเวณสวนกุหลาบของทำเนียบขาว ทรัมป์เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีมาตรฐานระดับสูงและแสดงความเสียใจกับครอบครัวเหยื่อที่กำลังโศกเศร้า แม้ในขณะเดียวกัน เขาได้ยกย่องเจ้าหน้าที่สวนใหญ่ในฐานะข้าราชการพลเรือนที่ไร้ความเห็นแก่ตัว พร้อมกับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์พรรคเดโมแครต
“การลดอาชญากรรมและยกระดับมาตรฐานไม่ใช่เป้าหมายที่สวนทางกัน” เขากล่าวก่อนการลงนาม ซึ่งขนาบข้างด้วยตำรวจ
ทรัมป์และรีพับลิกันรุดตอบสนองต่อการประท้วงใหญ่ต่อต้านพฤติกรรมป่าเถื่อนของตำรวจและการเหยียดผิว ซึ่งโหมกระพือทั่วประเทศตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกรณีการเสียชีวิตของฟลอยด์และพลเมืองผิวสีอเมริกันคนอื่นๆ
การเปลี่ยนจุดยืนอย่างรวดเร็วของพรรครีพับลิกัน และการเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างระมัดระวังของพรรคเดโมแครต แสดงให้เห็นว่าการประท้วงได้เปลี่ยนบทสนทนาทางการเมืองเร็วแค่ไหน และก่อแรงกดดันให้ทำเนียบต้องดำเนินการบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ฐานไม่ยอมรับว่ามีการเหยียดผิวอย่างเป็นระบบ ยังคงเน้นย้ำว่า เขาให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แม้เขาเพิ่งพบปะเป็นการส่วนตัวกับครอบครัวของบรรดาเหยื่อในวันอังคาร (16 มิ.ย.) และในพิธีลงนาม ทรัมป์ ยังได้ด่าทอพวกที่ก่อความรุนแรงระหว่างการประท้วงที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นไปอย่างสันติ และไม่ได้พาดพิงถึงการเหยียดผิวใดๆ
คำสั่งพิเศษของทรัมป์จะมีการจัดทำฐานข้อมูลที่ติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีประวัติถูกร้องเรียนใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และจะมอบเงินจูงใจสำหรับกรมตำรวจทั้งหลายให้หันมาใช้วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ และส่งเสริมโครงการตอบสนองเหตุการณ์ร่วม ซึ่งก็คือให้เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เข้ามาร่วมกับตำรวจ ยามที่ได้รับแจ้งเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง อาทิ เป็นการแจ้งเหตุด้านประเด็นสุขภาพจิต, ยาเสพติด และคนเร่ร่อน
ทรัมป์บอกว่า ส่วนหนึ่งของคำสั่งพิเศษนั้น ได้ห้ามการรัดคอผู้ต้องสงสัย ยกเว้นต่อในกรณีที่ชีวิตเจ้าหน้าที่ตกอยู่ในความเสี่ยง
กระนั้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลบอกว่า จะมีการส่งเสริมให้องค์การต่างๆ ที่ได้การรับรองให้เข้ามาฝึกฝนเทคนิคลดสถานการณ์ความตึงเครียดแก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงฝึกฝนมาตรฐานการใช้กำลังกับผู้ต้องสงสัย โดยห้ามใช้วิธีรัดคอ “ยกเว้นแต่อยูในสถานการณ์ต่างๆ ที่การใช้กำลังอันตรายได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมาย”
ทั้งนี้ กรมตำรวจในเมืองใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ ได้ห้ามตำรวจล็อกคอ หรือรัดคอ (Chokeholds) ผู้ต้องสงสัย ไปก่อนหน้านี้แล้ว