เอเอฟพี – ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์วานนี้ (14 มิ.ย.) ว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่าสหรัฐฯ พร้อมวิจารณ์อเมริกาว่าขาดผู้นำที่เข้มแข็ง และเห็นแก่ประโยชน์พวกพ้องมากกว่าความอยู่รอดของส่วนรวม
ผู้นำหมีขาวเปรียบเทียบสถานการณ์ใน 2 ประเทศ โดยชี้ว่ารัสเซีย “กำลังพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเสียหายน้อยที่สุด ในขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่เป็นเช่นนั้น”
รัสเซียยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่รวมทั้งสิ้น 8,835 รายในวันอาทิตย์ (14) ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมขยับไปอยู่ที่ 528,964 ราย มากเป็นลำดับที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และบราซิล
หลายภูมิภาคของรัสเซียเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ขณะที่กรุงมอสโกอนุญาตให้ธุรกิจที่ไม่สำคัญและร้านตัดผมเปิดให้บริการได้แล้ว
ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า โรคระบาดใหญ่ (pandemic) คราวนี้เผยให้เห็นถึง “วิกฤตภายในที่สั่งสมมานาน” ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเวลานี้มีผู้ป่วยสะสมถึง 2.07 ล้านคน และชี้ว่าสหรัฐฯ ขาดผู้นำเข้มแข็งที่จะสามารถจัดการสถานการณ์โรคระบาดได้
“ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผู้ว่าการรัฐต่างๆ กลับบอกให้เขาไปอีกทาง... ผมคิดว่าปัญหาสำคัญคือการที่ผลประโยชน์ของกลุ่มพวกพ้องและพรรคการเมืองถูกมองว่าสำคัญกว่าผลประโยชน์ของสังคมและประชาชนโดยรวม”
ปูติน ชี้ว่าสำหรับกรณีของรัสเซียนั้น รัฐบาลและผู้บริหารส่วนท้องถิ่น “ทำงานเป็นทีมเดียว” และไม่มีใครแตกแถวไปจากนโยบายที่ระบุไว้อย่างเป็นทางการ
รัสเซียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียง 6,948 ราย ซึ่งยังต่ำกว่ายอดผู้เสียชีวิต 115,436 รายในสหรัฐ ฯ อยู่หลายเท่าตัว แต่นักวิจารณ์บางคนก็ชี้ว่าตัวเลขที่น้อยอาจมาจากการรายงานที่ต่ำกว่าความเป็นจริงก็ได้
รัฐบาลหมีขาวเริ่มเปิดเผยข้อมูลผู้เสียชีวิตอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น คือรวมผู้ที่น่าจะเสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ยังตรวจไม่พบเชื้อ และผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวแต่คาดว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น ซึ่งหลังจากที่เปลี่ยนวิธีนับแบบใหม่ทำให้รัสเซียประกาศปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตในเดือน เม.ย. เพิ่มจาก 1,152 ราย เป็น 2,712 ราย หรือมากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว
ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นอัตราการตายเพียง 2.6% ของจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าตัวเลขในเดือน พ.ค. และต้นเดือน มิ.ย. น่าจะขยับสูงขึ้น
ปูติน ยังแสดงความคิดเห็นเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงต้านเหยียดผิวในสหรัฐฯ ซึ่งลุกลามบานปลายจนกลายเป็นการก่อจลาจล
“ถ้าการต่อสู้เพื่อสิทธิโดยธรรมชาติ สิทธิทางกฎหมาย กลายเป็นความวุ่นว่ายและเหตุจลาจล ผมคิดว่ามันไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติเลย” เขากล่าว
ผู้นำหมีขาวย้ำด้วยว่า ตนสนับสนุนการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของคนผิวสี และมองว่านี่คือ “ปัญหาเรื้อรังของสหรัฐอเมริกา”
“ไม่ว่าในยุคสหภาพโซเวียตหรือรัสเซียสมัยใหม่ เราก็มีความเห็นอกเห็นใจชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่พยายามต่อสู้เพื่อสิทธิโดยธรรมชาติของพวกเขา” ปูติน กล่าว ขณะเดียวกันก็เตือนว่า ต่อให้มีอาชญากรรมเกิดขึ้นจริง แต่หากการประท้วงมีเรื่องของลัทธิชาตินิยมสุดโต่งหรือลัทธิหัวรุนแรงเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว “ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีอะไรเลย”
ปูติน ชี้ว่า การชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯ ตอนนี้บ่งบอกถึงวิกฤตภายในที่สั่งสมมานาน และเชื่อมโยงกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ตนยังเชื่อว่า “รากฐานระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกันจะช่วยให้สหรัฐฯ ผ่านพ้นวิกฤตการณ์เหล่านี้ไปได้”