เอเจนซีส์ - องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนในวันจันทร์ (8 มิ.ย.) สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในทั่วโลกยังคง “เลวร้ายลง” โดยไม่มีวี่แววจบง่ายๆ และอันตรายใหญ่หลวงที่สุด คือ การชะล่าใจ หลังยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในวันอาทิตย์ (7) พุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 136,000 คน ภายในวันเดียว ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอเมริกาและเอเชียใต้
เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางของการระบาดในสหรัฐฯอย่างนิวยอร์กซิตี้ ได้เริ่มการปลดล็อกเฟสแรกในวันจันทร์ โดยอนุญาตให้ประชาชนราว 400,000 คน กลับเข้าทำงาน ขณะที่ห้างร้านต่างๆ เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งโดยจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้ารับบริการ ส่วนอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้างได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการเช่นเดียวกัน
บิลล์ เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ยินดีกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ขั้นแรก แต่เตือนประชาชน ว่า ยังต้องรักษาระยะห่างทางสังคมและล้างมือบ่อยๆ พร้อมประกาศว่า นี่คือ ชัยชนะของชาวนิวยอร์กในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ทางด้าน แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เรียกร้องให้ผู้ประท้วงต่อต้านกรณีตำรวจมินนิอาโปลิสังหาร จอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวดำไม่มีอาวุธ เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการระบาดรอบสอง
ส่วนที่กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (9) ก็ได้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ถึงแม้รัสเซียรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ว่า มีจำนวน 8,595 คน รวมแล้วยอดสะสมพุ่งขึ้นเป็น 485,000 คน สูงสุดอันดับ 3 ของโลก รองจากอเมริกาและบราซิล ขณะยอดผู้เสียชีวิตสะสมทะลุ 6,000 คน
เจ้าหน้าที่รัสเซียอ้างว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงมากเป็นผลจากมาตรการทดสอบหาผู้ติดเชื้อที่ครอบคลุม โดยมีการตรวจประชาชนไปแล้วกว่า 13 ล้านคน และยังย้ำว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ต่ำมากเป็นหลักฐานยืนยันว่า สถานการณ์ปลอดภัยสำหรับการปลดล็อก
ทว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า รัฐบาลแดนหมีขาวรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตต่ำเกินจริงและเร่งรัดผ่อนคลายมาตรการจำกัดเพื่อหวังผลทางการเมือง เนื่องจากจะมีการลงมติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 เดือนหน้า
อย่างไรก็ดี ขณะที่มอสโก และนิวยอร์ก เริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัด และบางประเทศในยุโรปที่เผชิญวิกฤตโควิด-19 รุนแรงที่สุด ก็กลับคืนสู่สถานการณ์ปกติมากขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) กลับรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO แถลงในวันจันทร์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่มีการรายงานในรอบ 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นสูงถึง 136,000 คน ถือเป็นสถิติสูงสุดในวันเดียว โดย 75% อยู่ใน 10 ประเทศซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาและเอเชียใต้
เกเบรเยซุส เสริมว่า แม้สถานการณ์ในยุโรปดีขึ้น แต่สำหรับทั่วโลกถือว่า เลวร้ายลง
นายใหญ่ WHO เตือนว่า อันตรายใหญ่หลวงที่สุดขณะนี้คือความชะล่าใจ พร้อมสำทับว่า หลังจากไวรัสโคโรนาระบาดมากว่า 6 เดือน ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่ประเทศใดๆ ก็ตามจะลดการ์ดลง
ทางด้าน นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO ตั้งข้อสังเกตว่า การติดเชื้อในอเมริกากลาง ซึ่งรวมถึงกัวเตมาลา ยังคงเพิ่มขึ้นและมีการระบาดที่ซับซ้อน พร้อมเรียกร้องการเป็นผู้นำอย่างเข้มแข็งของภาครัฐและการสนับสนุนระหว่างประเทศเพื่อช่วยเหลือภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ บราซิล ประเทศใหญ่ในอเมริกาใต้กำลังกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการระบาดในขณะนี้ โดยเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก และแซงอิตาลีสำหรับสถิติผู้เสียชีวิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนั้น ยังมีการโจมตีว่า ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิล แก้ไขตัวเลขเหยื่อโควิด หลังจากรัฐบาลหยุดรายงานยอดรวมผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อ และเผยแพร่ข้อมูลที่มีความขัดแย้งกันเอง
มาเรีย แวน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาของ WHO ขานรับว่า แนวทางการรับมือแบบครอบคลุมรอบด้าน เป็นมาตรการสำคัญในละตินอเมริกา ก่อนทิ้งท้ายว่า สถานการณ์โรคระบาดจะยังไม่จบในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่มากกว่า 404,000 คน และติดเชื้อกว่า 7 ล้านคน นับจากที่โรคนี้อุบัติขึ้นครั้งแรกในจีนเมื่อปลายปีที่แล้วก่อนระบาดไปทั่วโลก และสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลจากมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งยังทำให้เศรษฐกิจเป็นอัมพาต
โดยขณะนี้ รัฐบาลทั่วโลกพยายามผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างระมัดระวังเพื่อฟื้นลมหายใจเศรษฐกิจ ควบคู่กับการพยายามป้องกันไม่ให้ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดอีกเป็นรอบที่สอง