เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งพิเศษในวันพฤหัสบดี (28 พ.ค.) เปิดทางสำหรับถอดสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่างทวิตเตอร์พ้นจากการได้รับการคุ้มกันทางกฎหมาย ซึ่งเดิมทีไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาที่ผู้ใช้โพสต์
หากคำสั่งนี้มีการบังคับใช้เป็นกฎหมาย สื่อสังคมออนไลน์อย่างเช่นทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กจะเปิดกว้างสำหรับการถูกดำเนินการทางกฎหมายมากกว่าเดิม และอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับของรัฐบาลยิ่งขึ้น
ทรัมป์ บอกว่า คำสั่งบริหารจัดการสื่อสังคมออนไลน์นี้มีความจำเป็นเพราะบริษัทต่างๆ ไม่ได้กระดานสนทนาที่เป็นกลางอีกต่อไปแล้ว แต่เข้าไปพัวพันกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง
คำสั่งเปิดทางสำหรับยุติการปกป้องทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก และกูเกิล ไม่ต้องรับผิดต่อเนื้อหาที่ผู้ใช้นำมาเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร (26) ทวิตเตอร์ได้ขึ้นแถบคำเตือน fact-check ใต้ข้อความ 2 ข้อความของทรัมป์ ซึ่งมีการอ้างว่าระบบลงคะแนนทางไปรษณีย์ (mail-in voting) จะนำไปสู่การทุจริตฉ้อโกงผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
เนื่องจากยังไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีความพยายามโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น ทวิตเตอร์จึงได้แปะลิงก์ให้ผู้อ่าน “ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงคะแนนทางไปรษณีย์” ไว้ใต้ทวีตของทรัมป์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์ทำเช่นนี้ หลังจากที่โดนวิพากษ์วิจารณ์มานานหลายปีว่าเพิกเฉยกับพฤติกรรมละเมิดกฎเกณฑ์ของทรัมป์ ที่มักจะทวีตโจมตีใครต่อใคร หรือไม่ก็แพร่ข้อมูลบิดเบือนไปสู่ผู้ติดตามบัญชีของเขาซึ่งมีมากกว่า 80 ล้านคน
การตักเตือนเบาๆ ของทวิตเตอร์คราวนี้ทำให้ ทรัมป์ หัวเสียอย่างมาก และได้ออกมาโจมตีสื่อโซเชียลแห่งนี้ว่ากำลังปิดกั้นการแสดงความเห็นของฝ่ายอนุรักษนิยมในสหรัฐอเมริกา
ทรัมป์กล่าวว่า แพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้มีอำนาจที่ไม่มีการตรวจสอบในการคัดกรองและจำกัดการสื่อสารส่วนบุคคลเกือบทุกรูปแบบ “เราไม่อาจปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว
ความขุ่นเคืองของประธานาธิบดีดูเหมือนพุ่งเป้าโดยเฉพาะไปที่ระบบ fact-check ของแฟลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ หลังจากกล่าวหาทวิตเตอร์ว่าพยายามแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 “ทวิตเตอร์กำลังปิดกั้นการแสดงคิดความเห็นอย่างเสรี และผมในฐานะประธานาธิบดีจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า คำสั่งพิเศษของเขามีเป้าหมายส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนอเมริกา แต่ก่อนหน้ามีผลบังคับใช้ มันคงต้องเจอเสียงต่อต้านทางการเมืองและเขายอมรับว่ามันอาจต้องเผชิญการยื่นคัดค้านในศาล