เอเจนซีส์ - ขณะที่ยุโรปค่อยๆ ปลดล็อกเมืองอย่างระมัดระวังและต่อเนื่อง สถานการณ์โรคระบาดในบราซิล แอฟริกาใต้ และอีกหลายประเทศยังคงวิกฤตด้วยยอดผู้เสียชีวิตที่พุ่งทะยานไม่หยุด ทางด้านองค์การรอนามัยโลก (WHO) ในวันจันทร์ (18 พ.ค.) เปิดการประชุมใหญ่ประจำปีแบบออนไลน์ 2 วัน โดยที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน บอกว่า ปักกิ่งสนับสนุน “การประเมินอย่างรอบด้าน” ในเรื่องการตอบสนองของทั่วโลกต่อการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่คราวนี้ ภายหลังจากที่สามารถควบคุมโรคเอาไว้ได้แล้ว
สี กล่าวปราศรัยในการประชุมแบบเสมือนจริงคราวนี้ว่า จีน “มีท่าทีที่เปิดเผย, โปร่งใส และรับผิดชอบ” เสมอมา และได้แลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสนี้อย่างทันการณ์
การประชุมใหญ่ซึ่งจัดขึ้นทางระบบออนไลน์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ WHO ครั้งนี้ มีกำหนดที่จะอภิปรายญัตติที่เสนอโดยสหภาพยุโรป ซึ่งเรียกร้องให้มี “การประเมินผลอย่างซื่อตรง, เป็นอิสระ และรอบด้าน” เกี่ยวกับการตอบยสนองของนานาชาติต่อวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา
ในคำปราศรัยของเขา ประมุขของจีนบอกว่า การไต่สวนการตอบสนองของทั่วโลก ควรเป็นการ “เก็บรวบรวมประสบการณ์และปรับปรุงจุดอ่อนข้อบกพร่อง”
รัฐบาลของบางประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯกับออสเตรเลีย ก็ได้เรียกร้องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาให้สอบสวนหาต้นตอที่มาของไวรัส ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าพุ่งเป้ามุ่งกล่าวหาจีน และเรื่องนี้ได้กลายเป็นจุดเดือดอีกจุดหนึ่งในความตึงเครียดที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง
ทั้งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ ต่างกล่าวว่า จีนขาดความโปร่งใสในเรื่องนี้ ทั้งคู่ยังพยายามผลักดันทฤษฎีที่ว่าไวรัสนี้ออกมาจากแล็บวิจัยไวรัสในเมืองอู่ฮั่น พร้อมกับอ้างว่ามีหลักฐานมากมาย แต่เมื่อถูกฝ่ายต่างๆ รวมทั้งสมาชิกพรรคเดโมแครตในสหรัฐฯด้วย เรียกร้องให้แบหลักฐานออกมา ทั้งคู่ก็ยังไม่เคยตอบสนอง
ขณะที่พวกนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ไวรัสนี้มีต้นกำหนดมาจากสัตว์ ก่อนที่จะติดต่อถ่ายทอดมาถึงมนุษย์
สำหรับสถานการณ์การระบาดในวันจันทร์ (18) อิตาลีที่เคยเผชิญการระบาดรุนแรงที่สุดในโลก ดำเนินการขั้นตอนล่าสุดในการกลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างช้าๆ และระมัดระวังด้วยการอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟ ร้านทำผม และห้างสรรพสินค้า รวมทั้งโบสถ์เปิดอีกครั้งหลังบังคับใช้คำสั่งล็อกดาวน์มาสองเดือน
หลายประเทศในยุโรป เช่น สเปน และเยอรมนี เดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เช่นเดียวกัน แม้องค์การอนามัยโลก เตือนว่า การเปิดเมืองเร็วเกินไปโดยที่ยังไม่มีวัคซีนอาจทำให้เกิดการระบาดรอบสอง
คำเตือนดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของ จง หนานซาน ที่ปรึกษาด้านการแพทย์อาวุโสของรัฐบาลจีนที่ระบุว่า แม้ดูเหมือนควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่แดนมังกรยังมีโอกาสเผชิญการระบาดรอบใหม่เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงพอต่อไวรัสโคโรนา
จงยังตั้งข้อสังเกตว่า อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการพัฒนาวัคซีนที่ “สมบูรณ์แบบ” สำหรับไวรัสโคโรนาที่ WHO ระบุว่า จะไม่หายไปจากโลก
อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์ในหลายประเทศที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดอย่างอเมริกาและยุโรปเริ่มดีขึ้น แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาของทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดและมีจำนวนรวมมากกว่า 315,000 คนแล้ว
ในขณะนี้ โดยภูมิภาคที่น่าเป็นห่วงคืออเมริกาใต้และแอฟริกา
ยอดผู้เสียชีวิตในบราซิลพุ่งทะยานอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 241,000 คนในช่วงสุดสัปดาห์ สูงสุดอันดับ 4 ของโลก
กระนั้น ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ยังคงคัดค้านมาตรการล็อกดาวน์อย่างดุเดือด โดยอ้างว่า ทำให้เศรษฐกิจบราซิลเสียหายโดยไม่จำเป็น สวนทางกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ว่าการรัฐต่างๆ ที่เตือนว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขของประเทศอาจล่มสลาย
วันอาทิตย์ (17) ผู้นำฝ่ายขวาจัดผู้นี้และรัฐมนตรีหลายคนของแดนแซมบายังฝ่าฝืนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยการเข้าร่วมการชุมนุมในกรุงบราซิเลีย และประกาศกับผู้สนับสนุนว่า มาตรการจำกัดเพื่อควบคุมการระบาดเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ
ละตินอเมริกาและแคริบเบียน มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 500,000 คน ในขณะนี้ โดยเกือบครึ่งอยู่ในบราซิล และยังมีสัญญาณเตือนชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากไวรัสต่อดินแดนที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคนี้
วันอาทิตย์ เอกวาดอร์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนแรกในชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแอมะซอน ตอกย้ำวิกฤตรุนแรงในประเทศอเมริกาใต้แห่งนี้
ชะตากรรมของแอฟริกาแทบไม่แตกต่างกัน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แอฟริกาใต้รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,160 คน สูงสุดนับจากที่พบผู้ติดเชื้อคนแรกในเดือนมีนาคม รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 15,515 คน สูงที่สุดในภูมิภาค
ที่เอเชีย อินเดียขยายมาตรการล็อกดาวน์จนถึงสิ้นเดือนนี้ พร้อมรายงานสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดในวันอาทิตย์