เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - ผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโควิด-19 ล่าสุดอยู่ที่ 297,569 คน ติดเชื้อรวมทั่วโลก 4,369,410 คน สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิต 84,136 คน สหรัฐฯติดเชื้อ 1,390,764 คน ฟิลิปปินส์ออกคำสั่งอพยพประชาชนตามชายฝั่งและภูเขาราว 200,000 คน เพื่อหนีพายุไต้ฝุ่นหว่องฟง ที่ได้ขึ้นฝั่งวันนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่ผู้ช่วยกระทรวงการคลังฝรั่งเศสออกมาเตือนบริษัทยาซาโนฟี่ ไม่ให้เก็บวัคซีนรักษาโควิด-19 ล็อตแรกที่คิดค้นสำเร็จให้สหรัฐฯเป็นเจ้าแรก
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้ (14 พ.ค.) ถึงสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ทั่วโลก โดยอ้างอิงจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ พบว่า สหรัฐฯยังคงมีจำนวนผู้เสียชีวิจเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจเกือบ 85,000 ราย โดยตัวเลขการเสียชีวิตในวันพฤหัสบดี (14) อยู่ที่ 84,136 คน ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 1,390,764 คน โดยมีรัฐนิวยอร์กมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในอเมริกาที่ 27,477 คน
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสออกมาเตือนบริษัทยายักษ์ใหญ่ระดับโลก ซาโนฟี่ (Sanofi) ว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ที่ทางบริษัทจะจอง “วัคซีนต้านโควิด-19 ล็อตแรก” สำหรับตลาดสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ซาโนฟี่เป็นบริษัทยาของฝรั่งเศส และพบว่า เมื่อ 1 เดือนก่อนหน้าได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) กับบริษัทยาข้ามชาติของอังกฤษ GSK เพื่อร่วมกันสร้างวัคซีนโควิด-19 ขึ้น
โดยในเวลานั้นบริษัททั้งสองกล่าวว่า ได้วางแผนสำหรับเฟสแรกของการวิจัยทางคลินิกในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 และหากสำเร็จมีเป้าหมายในการพัฒนาให้สำเร็จตามข้อกำหนดที่จะได้รับอนุญาตให้สามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยได้ภายในครึ่งหลังของปีหน้า
โดยรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังฝรั่งเศส Agnès Pannier-Runacher เปิดเผยว่า ได้ติดต่อบริษัทยาซาโนฟี่ เมื่อวานนี้ (13)หลังได้อ่านความเห็นของซีอีโอซาโนฟีที่ออกมาชี้ว่า ตลาดสหรัฐฯถือเป็นตลาดแรกหากวัคซีนโควิด-19 ถูกพัฒนาขึ้นสำเร็จ
“มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับซาโนฟี่ในการเก็บวัคซีนโควิด-19 ไว้ เพื่อสำหรับประเทศหนึ่งประเทศใดหรือประเทศอื่นเพื่อเหตุผลด้านการเงิน หากว่าวัคซีนนี้ถูกคิดค้นขึ้นสำเร็จ” เธอกล่าวในวันพฤหัสบดี (14) และเสริมต่อว่า “เหมือนเช่นประธานาธิบดีได้กล่าวไว้ หากมีการคิดค้นวัคซีนได้จริง ทางเราคาดหวังเป็นอย่างมากว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะทั่วโลก”
บริษัท ซาโนฟี่ กล่าวว่า ทางบริษัทร่วมมือกับองค์การความก้าวหน้าวิจัยขั้นสูงชีวการแพทย์และการพัฒนา BARDA (Biomedical Advanced Research and Development Authority) ของสหรัฐฯ ที่จะอนุญาตให้บริษัทสามารถเริ่มการผลิตเฟสแรกโดยเร็วที่สุด และซาโนฟีกล่าวว่าได้ทำการติดต่อในลักษณะที่คล้ายกันนี้ในยุโรป
รอยเตอร์รายงานว่า ขณะที่ฟิลิปปินส์ยังคงใช้มาตรการปิดตายเพื่อป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 โดยวันนี้ (14) กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 18 ราย และติดเชื้อใหม่รวม 258 คน อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมฟิลิปปินส์อยู่ที่ 790 คน ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 11,876 คน
และผลจากวิกฤตโรคระบาดนั้นเป็นอุปสรรคต่อความพยายามสั่งอพยพประชาชนตามชายฝั่งและภูเขาไม่ต่ำกว่า 200,000 คนไปอยู่ในที่ปลอดภัย เป็นต้นว่า ศูนย์พักพิงหลังจากไต้ฝุ่นหว่องฟง (Typhoon Vongfong) พัดเข้าฟิลิปปินส์ทางตะวันออกของประเทศในบ่ายวันพฤหัสบดี (14) มาพร้อมกำลังลม 155 กิโลเมตร/ชั่วโมง และกำลังลมกระโชกที่ 255 กิโลเมตร/ชั่วโมง อ้างอิงจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์
รัฐบาลระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นที่ใช้ทรัพยากรทั้งหมดไปกับวิกฤตโควิด-19 ต่างมีปัญหาด้านการขนส่งและพื้นที่โดยมีการคาดการณ์ว่า ประชาชนจำนวน 200,000 คน จำเป็นต้องถูกนำตัวออกจากบ้านเรือนของคนเหล่านั้น
ด้าน เบน เอวาร์ดัน (Ben Evardone) ผู้ว่าราชการจังหวัดซามาร์ตะวันออก (Eastern Samar) ให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNN ฟิลิปปินส์ ว่า “นี่เป็นเหมือนฝันร้ายของพวกเรา” และเสริมต่อว่า “ปัญหาของพวกเราในเวลานี้คือจะหาพื้นที่ที่ไหนที่จะเอาประชาชนมาอยู่รวมกันได้ขณะที่ยังต้องการให้รักษาระยะห่างทางสังคมไว้”
ทั้งนี้ มีการพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นหว่องฟงจะมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือและพัดเข้าเกาะลูซอนที่ถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และพายุผ่านเข้ากรุงมะนิลาที่กำลังอยู่ในมาตรการปิดตายต้านโควิด-19 ตามคำสั่งของผู้นำฟิลิปปินส์
ภาพจากโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่าไต้ฝุ่นทำให้เกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงจัดในพื้นที่ทางผ่านทำให้ต้นไม้ล้ม สายไฟฟ้าขาด และบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย
ที่เมืองบูฮี (Buhi) จังหวัดตีโมกคามารีเนส (Camarines Sur) พบว่า ประชาชนที่ถูกอพยพหนีพายุได้รับแจกหน้ากากอนามัยก่อนที่จะเข้าสู่ศูนย์พักพิง โดยทางเมืองใช้โรงเรียน 2 แห่ง เป็นศูนย์พักพิงและสามารถมีพื้นที่เพียงพอให้สามารถใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมได้
