รอยเตอร์ - การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ก่อความยุ่งยากซับซ้อนแก่ฟิลิปปินส์ ในความพยายามเคลื่อนย้ายประชาชนนับแสนคนไปยังศูนย์อพยพต่างๆ เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ในขณะที่พายุไต้ฝุ่นรุนแรงลูกหนึ่งกำลังเล่นงานจังหวัดต่างๆ ทางภาคตะวันออกของประเทศ
ไต้ฝุ่นหว่องฟง ซึ่งเป็นพายุลูกแรกที่ซัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังถาโถมเข้าสู่ภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (14 พ.ค.) ด้วยความเร็วลม 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกสูงสุด 255 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากการเปิดเผยของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งรัฐ
รัฐบาลระดับจังหวัดและเมืองต่างๆ ซึ่งจำนวนมากขาดแคลนทรัพยากรอยู่ก่อนแล้ว สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องเผชิญกับปัญหาซ้ำเติม ทั้งด้านการเคลื่อนย้ายและจัดสรรพื้นที่พักพิงแก่ผู้ประสบภัย ท่ามกลางความคาดหมายว่า น่าจะมีประชาชนราวๆ 200,000 คน ที่จำเป็นต้องหลบหนีออกจากบ้านพักที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งและตามแถบภูเขา สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับน้ำท่วมและดินถล่ม
“มันเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริงสำหรับเรา” เบน อีวาร์โดเน ผู้ว่าราชการจังหวัดซามาร์ตะวันออก กล่าว “ปัญหาของเราตอนนี้คือคนของเราเบียดเสียดกัน ในขณะที่เราต้องทำให้แน่ใจว่ามีพวกเขาจะปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม”
คาดการณ์ว่า ไต้ฝุ่นลูกนี้จะมุ่งหน้าสู่ทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ และมีเป้าหมายต่อไป คือ ลูซอน เกาะใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นที่ตั้งของกรุงมะนิลา ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
ภาพที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพายุนำพามาซึ่งฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในพื้นที่ต่างๆ ที่มันเคลื่อนผ่าน ขุดรากถอนโคนต้นไม้ หักโค่นเสาไฟและทำลายบ้านเรือไปหลายหลัง
ในเมืองบูฮี ในจังหวัดกามารีเนสซูร์ มีการแจกจ่ายหน้ากากให้แก่ผู้อพยพหลายร้อยคน ก่อนที่พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในศูนย์อพยพ
มาร์ค แอนโทนี นาซาร์เรีย เจ้าหน้าที่ประจำสัมพันธ์ของเมืองบูฮี ระบุว่า รัฐบาลท้องถิ่นได้ปรับเปลี่ยนโรงเรียนเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง สำหรับดัดแปลงเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ห้องเรียนปกติแล้วเคยใช้รองรับครอบครัวผู้ประสบภัยได้ 8 ครัวเรือน ทว่าจากแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคมเลี่ยงโควิด-19 ทำให้เวลานี้สามารถรองรับได้เพียง 1 หรือ 2 ครอบครัวเท่านั้น
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้คร่าชีวิตผู้คนในฟิลิปปินส์ไปแล้วอย่างน้อย 790 ศพ นับตั้งแต่พบการแพร่เชื้อระดับท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม และมีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 12,000 คน