เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ศาลสูงสุดบราซิลเมื่อวานนี้(2 พ.ค)ออกคำตัดสินห้ามประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ทำการขับเจ้าหน้าที่การทูตเวเนซุเอลา 30 คน และเจ้าหน้าที่กงสุลออกนอกประเทศ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของประชาชนชาวบราซิลต่อตัวผู้นำหลังต้นสัปดาห์เขาออกมาแสดงความไม่แยแสต่อตัวเลขการเสียชีวิตประชาชนจากโรคโควิด-19ที่ผ่านหลักห้าพัน
รอยเตอร์รายงานวันนี้(3 พ.ค)ว่า ทั้ง ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู และกระทรวงต่างประเทศบราซิลให้เวลาเวเนซุเอลาจนถึงวันเสาร์ในการถอนเจ้าหน้าที่การทูตของตัวเองกลับ
แต่ล่าสุดผู้พิพากษาศาลสูงสุดบราซิล ลูอิซ โรเบอร์โต บาร์โรโซ ( Luis Roberto Barroso) ได้ออกคำพิพากษาตามการร้องขอของ เปาโล พีเมนตา (Paulo Pimenta) ส.สพรรคแรงงานบราซิลที่ชี้ว่า คำสั่งการขับของโบลโซนารูอ้าจละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญบราซิล ข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต
โดยทางบาร์โรโซออกมาแสดงความเห็นว่า การที่ขับนักการทูตต่างชาติออกไปในทันทีท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดทั่วโลกนั้นขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้นักการทูตเวเนซุเอลาเหล่านี้อยู่ในกรุงบราซิเลีย รัฐเซาเปาลู รัฐดีโอเดจาเนโร เมืองมานุซ (Manaus) เมืองเบเลม (Belem) และเมืองโบอา วิสตา (Boa Vista)
ทั้งนี้พบว่าบราซิลได้ออกคำสั่งถอนเจ้าหน้าที่นักการทูตที่เหลือของตัวเองจากกรุงคาราคัสในวันที่ 17 เม.ย และรัฐบาลบราซิลคาดหวังว่าทางเวเนซุเอลาจะกระทำเช่นเดียวกันด้วยการนำเจ้าหน้าที่การทูตของตัวเองกลับทั้งหมดภายในเมื่อวานนี้(2)
แต่ทว่ารัฐบาลคาราคัสได้ออกแถลงการณ์วันพฤหัสบดี(30 เม.ย)ว่า ไม่เคยทำข้อตกลงถอนนักการทูตเช่นนั้นกับบราซิล โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลาออกมากล่าวหาบราซิลว่า พยายายามบังคับให้นักการทูตเวเนซุเอลาต้องออกนอกประเทศถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
บราซิลถือเป็นชาติหนึ่งในจำนวนกว่า 50 ประเทศทั่วโลกที่ไม่ยอมรับรัฐบาลคาราคัสของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยเกิดขึ่้นในเวเนซุเอลา และรัฐบาลการเมืองปีกขวาของบราซิลนั้นเห็นว่าผู้นำฝ่ายค้านเวเนฯ ฮวน กวยโด เป็นผู้นำคาราคัส ซึ่งเป็นความเห็นเดียวกับสหรัฐฯ
นอกจากนี้รัฐบาลบราซิลยังยอมรับตัวแทนของกวยโด มาเรีย เตเรซา เบลานเดรีย (Maria Tereza Belandria) ในฐานะเอกอัครราชทูตเวเนซุเอลาประจำบราซิล แต่ทว่าเธอไม่สามารถเข้าไปทำงานภายในสถานทูตเวเนซุเอลาได้ในเวลานี้เนื่องจากว่าสถานทูตยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของมาดูโร
ขณะเดียวกันประชาชนชาวบราซิลในเวลานี้ต่างไม่พอใจต่อการแสดงความเห็นของโบลโซนารูในเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19
เอเอฟพีรายงานว่า โบลโซนารูในวันอังคาร(28 เม.ย)ว่า “แล้วไง” เมื่อนักข่าวถามเขาหลังจากบราซิลมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เกิน 5,000 ราย
อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์พบว่าบราซิลมีจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดวันนี้(3)อยู่ที่ 6,761 คน ติดเชื้อรวม 97,100 คน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงเกิน 15 หรือ 20 เท่า
ในขณะนั้นผู้นำบราซิลกล่าวว่า “แล้วไง ผมขอโทษนะแต่คุณต้องการอะไรจากผม” เมื่อถูกสอบถามจากนักข่าวหลังจากที่บราซิลในวันอังคาร(28 เม.ย) มียอดเสียชีวิตกว่า 5,000 คนจำนวนมากกว่าของจีน โดยโบลโซนารูกล่าวอย่างติดตลกว่า ถึงแม้ชื่อกลางของเขาคือ “เมสซิยาส” (Messias) แต่เขาสร้างปาฎิหารย์ให้ใครไม่ได้
และการออกมาแสดงความเห็นของโบลโซนารูสร้างความโกรธให้กับ วิลสัน วิธเซล ( Wilson Witzel) ผู้ว่าการรัฐรีโอเดจาเนโรที่ออกมาชี้ว่า ความเห็นของผู้นำนั้นยอมรับไม่ได้ โดยชี้ว่าแทนที่โบลโซนารูจะเป็นผู้นำในยามวิกฤตแต่แสดงความเห็นเชิงประชดเกี่ยวกับความตาย
ความไม่พอใจยังเกิดขึ้นกับ Joao Doria ผู้ว่าการรัฐเซาเปาลูซึ่งเป็นแนวหน้าสู้กับวิกฤตโรคไวรัสโคโรนาที่มีตัวเลขเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2,500 คน กล่าวว่า “ออกมาจากฟองสบูกรุงบราซิเลียที่เลิศหรูของคุณ” พร้อมกับเรียกร้องให้โบลโซนารูออกไปตรวจการณ์โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศเพื่อที่จะได้เห็นสภาพที่แท้จริงของวิกฤต
นอกจากนี้ เอเดอ์ กัตติ(Eder Gatti) หัวหน้าสมาพันธ์แพทย์เซาเปาลูออกมาเรียกร้องผ่านทางโทรทัศน์ให้ประธานาธิบดีบราซิลให้ความเห็นต่อสาธารณะที่จริงจังกว่านี้