เอเจนซีส์ – คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นประธานเปิดโรงงานปุ๋ยแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของกรุงเปียงยางเมื่อวานนี้ 1 พ.ค. ซึ่งถือเป็นการออกงานครั้งแรกหลังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเขาอาจล้มป่วยหนักหรือถึงขั้นเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรากฏตัวอีกครั้งของผู้นำโสมแดง
หลังจากไม่ได้ปรากฏตัวออกสื่อเลยตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. ล่าสุดสำนักข่าว KCNA รายงานว่า คิม ได้เดินทางไปตัดริบบิ้นเปิดโรงงานปุ๋ยแห่งใหม่เมื่อวันศุกร์ (1) ซึ่งทำให้ทุกคนในงาน “เปล่งเสียงเฮลั่นด้วยความยินดีปรีดา”
สื่อโสมแดงเผยภาพผู้นำ คิม ขณะกำลังตัดริบบิ้น, หันไปคุยกับผู้ช่วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินตรวจเยี่ยมโรงงาน
ภาพชุดนี้ถูกเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์โรดองซินมุน และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นภาพจริงหรือตัดต่อ
เช่นเดียวกับภาพทุกชุดที่ผ่านมา ผู้นำ คิม ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย แม้จะมีความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งประเด็นนี้นักวิเคราะห์อธิบายว่าเป็นเพราะ คิม จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ผู้นำเข้มแข็งในสายตาประชาชน
KCNA รายงานว่า ผู้นำ คิม ได้แสดงความพึงพอใจเกี่ยวกับสายการผลิต และย้ำว่าโรงงานปุ๋ยแห่งนี้มีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมเคมีและการผลิตอาหารในเกาหลีเหนือ
คิม จองอึน มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงติดตามมาด้วยหลายคน รวมถึง คิม โยจอง น้องสาวของเขา
นักข่าวอเมริกันได้ไปสอบถามประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการปรากฏตัวของผู้นำคิม ซึ่ง ทรัมป์ ก็ตอบว่า “ผมยังไม่ขอให้ความเห็นเรื่องนี้”
“เราจะมีบางอย่างชี้แจงในเวลาที่เหมาะสม” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบขาว
กระแสคาดเดาเกี่ยวกับสุขภาพของ คิม โหมกระพือขึ้นมา หลังจากเขาไม่ได้ไปร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของอดีตประธานาธิบดี คิม อิลซุง เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ซึ่งถือเป็นวันสำคัญที่สุดในปฏิทินการเมืองของเกาหลีเหนือ
เว็บไซต์ Daily NK ซึ่งเป็นสื่อของผู้ลี้ภัยโสมแดงในกรุงโซล รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คิม อยู่ระหว่างพักฟื้นจากการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจเมื่อวันที่ 12 เม.ย. หลังจากนั้นไม่นานสื่อ CNN ของสหรัฐฯ ก็อ้างว่าวอชิงตันกำลัง “ติดตามข่าวกรอง” ที่ว่า คิม “อาการเข้าขั้นวิกฤต” หลังเข้ารับการผ่าตัดใหญ่
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทั้งในเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ดูจะไม่ให้น้ำหนักกับรายงานนี้สักเท่าไหร่
แดเนียล รัสเซล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายเอเชียตะวันออก ระบุว่า ปริศนาเกี่ยวกับการหายตัวไปของ คิม อาจต้องใช้เวลาปะติดปะต่อนานพอสมควร และการกลับมาของ เขา ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า ข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับสุขภาพและสถานที่อยู่ของผู้นำโสมแดงถูกปิดเป็นความลับสุดยอด ดังนั้นข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับ คิม จะต้อง “ฟังหูไว้หู”
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ทุกฝ่ายหันมาสนใจประเด็นการสืบทอดอำนาจในเกาหลีเหนือ ซึ่งการปกครองด้วยระบอบเผด็จการกึ่งราชวงศ์เช่นนี้นับว่ามีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยังไม่มีการแต่งตั้งทายาท
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ คิม ยอนชุล ออกมาชี้ว่า คิม เพียงแค่ ‘ปลีกวิเวก’ เพื่อเลี่ยงการติดไวรัส ขณะที่ แฮร์รี คาเซียนิส ผู้อำนวยการฝ่ายเกาหลีศึกษาของศูนย์เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ (Center for the National Interest) ในสหรัฐฯ ก็ยอมรับว่า นี่คือเหตุผลที่เป็นไปได้ที่สุด