เอเจนซีส์ - ผู้อำนวยการหน่วยงานพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของสหรัฐฯ เผยถูกปลดเพราะค้าน “ทรัมป์” ที่โปรโมตให้ใช้ยามาเลเรียรักษาผู้ป่วยโควิด ทั้งที่ไม่มีผลวิจัยรองรับ ลั่นเตรียมขอให้ผู้ตรวจการสอบสวนคณะบริหารที่ให้ความสำคัญกับการเมืองและพวกพ้องมากกว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากทำให้ชีวิตประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง และบ่อนทำลายความพยายามในการรับมือกับวิกฤตสาธารณสุขอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นพ.ริก ไบรต์ เปิดเผยว่า ถูกปลดจากตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยงานวิจัยและพัฒนาชีวการแพทย์ชั้นสูง (Biomedical Advanced Research and Development Authority หรือ บาร์ดา) หน่วยงานของรัฐบาลที่ทำหน้าที่พัฒนาและจัดหาการรักษาและวัคซีน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 เม.ย.) และย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่มีความสำคัญน้อยลงในสถาบันสุขภาพแห่งชาติ
ไบรต์ เชื่อว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นผลจากการที่ตนยืนกรานว่ารัฐบาลควรนำงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐสภาเพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 ไปลงทุนกับโซลูชันที่ปลอดภัย และผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว ไม่ใช่ยา, วัคซีน และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
เขาสำทับว่า คำสั่งนี้เป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่เขาคัดค้าน “คำแนะนำผิดๆ” ของคณะบริหารที่ระบุว่า ยารักษามาเลเรียอย่างคลอโรควิน และไฮดร็อกซีคลอโรควิน เป็น “ยาครอบจักรวาล” ที่สามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อมูลยืนยัน
นับจากกลางเดือนมีนาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สนับสนุนให้ใช้ยาต้านมาลาเรียมารักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่มีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัย หรือประสิทธิภาพมาสนับสนุน และแม้ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์แนะนำว่าต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ทรัมป์ยังเฝ้าผลักดันให้ใช้ยาดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็น “ของขวัญจากพระเจ้า” ในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนา
ทว่า เมื่อวันอังคาร (21) ได้มีการเปิดเผยผลการศึกษาชิ้นใหญ่เกี่ยวกับไฮดร็อกซีคลอโรควิน ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซึ่งแสดงให้เห็นว่ายานี้ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโควิด-19 ซ้ำยังเชื่อมโยงกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น
ไบรต์เสริมว่า จะขอให้ผู้ตรวจการของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ สอบสวนคณะบริหารของทรัมป์ที่นำบาร์ดามาเป็นประเด็นทางการเมือง และกดดันให้นักวิจัยสนับสนุนบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมือง
“การผลักผมให้พ้นทางท่ามกลางโรคระบาด และให้ความสำคัญกับการเมืองและพวกพ้องมากกว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ชีวิตประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง อีกทั้งบ่อนทำลายความพยายามของประเทศในการรับมือกับวิกฤตสาธารณสุขที่เร่งด่วนอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” ไบรต์ร่ายยาว
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานว่า ไบรต์ว่าจ้าง สำนักงานแคตซ์, มาร์แชลล์ แอนด์ แบงส์ ซึ่งเป็นบริษัทกฎหมายที่เป็นที่รู้จักว่า มักรับทำคดีให้ผู้เปิดโปง มาเป็นตัวแทนทางกฎหมายของตน
ทางด้าน แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของอเมริกา กล่าวเมื่อวันพุธว่า ตนทราบมาว่าตำแหน่งใหม่ของไบรต์จะรับผิดชอบการพัฒนาวิธีวินิจฉัยซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก
ทั้งนี้ ไบรต์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการบาร์ดาในปี 2016 ก่อนที่ทรัมป์จะเข้าสู่ทำเนียบขาว
ทางด้านทรัมป์เมื่อถูกถามเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวในวันอังคาร เขาตอบว่าไม่เคยได้ยินชื่อไบรต์มาก่อน พร้อมกำชับนักข่าวให้ฟังความสองด้าน
ทั้งนี้ แพทย์หลายคนเผยว่า เริ่มใช้คลอโรควิน และไฮดร็อกซีคลอโรควินกับผู้ป่วยที่อาการทรุดลง โดยอิงกับรายงานการศึกษาเพียงไม่กี่ฉบับที่บ่งชี้ว่า ยาสองตัวนี้อาจได้ผล แพทย์บางคนบอกว่าถูกผู้ป่วยกดดันให้ใช้ยาดังกล่าวที่ทรัมป์และผู้สนับสนุนอื่นๆ โฆษณาชักชวนอย่างกว้างขวาง
หลังจากรอยเตอร์รายงานเรื่องนี้ ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ได้ลบคำแนะนำที่เน้นย้ำผิดปกติเกี่ยวกับวิธีสั่งจ่ายยาสองชนิดนี้ออกจากเว็บไซต์ของตน