รอยเตอร์ - องค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันอังคาร (21 เม.ย.) ระบุทุกหลักฐานบ่งชี้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มีต้นกำเนิดในสัตว์ในประเทศจีน เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว และไม่ได้ถูกตัดต่อพันธุกรรมหรือสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า รัฐบาลของเขากำลังพยายามหาข้อสรุปว่าไวรัสมีต้นตอจากแล็บแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของจีนหรือไม่ ขณะที่เมืองดังกล่าวคือจุดที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นในเดือนธันวาคม
“ทุกหลักฐานที่มีอยู่บ่งชี้ว่า ไวรัสมีต้นกำเนิดในสัตว์และไม่ได้ถูกตัดต่อพันธุกรรม หรือสร้างในห้องปฏิบัติการที่ไหนสักแห่ง” ฟาดิลา ชาอิบ โฆษกองค์การอนามัยโลกแถลงสรุปที่เจนีวา “มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าไวรัสมีต้นกำเนิดจากสัตว์”
ชาอิบ ระบุไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ไวรัสกระโดดข้ามอุปสรรคทางสายพันธุ์เข้าสู่มนุษย์ได้อย่างไร แต่แน่นอนว่า มันมีสัตว์เป็นตัวกลาง “มีความเป็นไปได้อย่างที่สุดที่มันมีแหล่งสะสมทางนิเวศในค้างคาว แต่ไวรัสแพร่จากค้างคาวเข้าสู่มนุษย์ได้อย่างไรยังคงต้องตรวจสอบและค้นหาคำตอบ”
ทั้งนี้ โฆษกรายนี้ไม่ได้ตอบคำถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ไวรัสอาจหลุดมาโดยไม่ได้ตั้งใจจากห้องแล็บหนึ่งๆ ขณะที่ก่อนหน้านี้ สถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่น ปฏิเสธข่าวลือทั้ง 2 อย่างที่ว่าพวกเขาเป็นคนสังเคราะห์ไวรัสหรือปล่อยให้มันหลุดออกมา
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับผลกระทบจากการตัดสินใจของทรัมป์ ที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สั่งระงับเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก หลังไม่พอใจแนวทางบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 ของหน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติแห่งนี้ ทาง ชาอิบ ตอบว่า “เรายังคงอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับคำแถลงของประธานาธิบดี ทรัมป์ และเราจะประเมินสถานการณ์และเราจะทำงานร่วมกับพันธมิตรของเราเพื่อเติมเต็มช่องว่างใดๆ”
“มันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ต้องเดินหน้าในสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ไม่ใช่แค่เพียงโควิด แต่รวมถึงโครงการด้านสาธารณสุขอื่นๆ อีกมากมาย” เธอกล่าว อ้างถึงโครงการต่อต้านโปลิโอ, เอชไอวี และ มาลาเรีย เช่นเดียวกับโรคอื่นๆ