รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงวานนี้ (10 เม.ย.) ให้จัดส่งเครื่องมือแพทย์และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างๆ ไปยังรัฐบาลอิตาลี เพื่อช่วยต่อสู้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ยอดผู้ติดสะสมในอเมริกาเองล่าสุดพุ่งทะลุ 500,000 คนแล้ว
ทรัมป์ ได้ส่งบันทึกข้อความไปยังรัฐมนตรีหลายคนให้มีมาตรการช่วยเหลือกรุงโรม และให้บุคลากรกองทัพสหรัฐฯ ในอิตาลีเตรียมพร้อมใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (telemedicine services),ช่วยสร้างโรงพยาบาลสนาม และจัดส่งสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็น
“อิตาลีซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดและเก่าแก่ที่สุดของเรากำลังเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตพลเมืองไปมากกว่า 18,000 คน ทำให้ระบบสาธารณสุขของอิตาลีเสี่ยงพังทลาย และอาจทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง” ทรัมป์ ระบุ
อิตาลีเป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยจากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18,849 ราย ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศ 147,577 ราย
ทรัมป์ สั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมให้ผู้ผลิตอเมริกันจัดส่งสินค้าตามที่รัฐบาลและผู้ให้บริการสาธารณสุขในอิตาลีร้องขอ ยกเว้นผลิตภัณฑ์บางอย่างที่จำเป็นจะต้องสงวนไว้เพื่อรับมือการระบาดในสหรัฐฯ เอง
ผู้นำสหรัฐฯ ยังสั่งการให้รัฐมนตรีต่างประเทศ, ผู้อำนวยการองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) และธนาคารเพื่อการนำเข้า-ส่งออกแห่งสหรัฐฯ “ใช้อำนาจที่มีอยู่ช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจอิตาลี”
ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาดูจะยังน่าเป็นห่วงมากกว่าชาติอื่นๆ โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 501,609 ราย หรือประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งแซงสถิติของยุโรปทั้งทวีปซึ่งอยู่ที่ราวๆ 850,000 คนในเวลานี้
นักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเรียกร้องให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการไปรวมตัวที่โบสถ์ และฉลองวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) รวมถึงเทศกาลอีสเตอร์กันที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
ดร. แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกหลายคนชี้ว่า ตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาลและผู้ที่ต้องแอดมิดเข้าหอผู้ป่วยหนักมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะที่รัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาด บ่งชี้ว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social-distancing) เริ่มได้ผล
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะล่าถอย” เฟาซี ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นวานนี้ (10) พร้อมเผยว่า “ไวรัสจะเป็นตัวกำหนด” ว่าคำสั่งให้ประชาชนเก็บตัวอยู่บ้านใน 42 รัฐทั่วอเมริกาจะเริ่มผ่อนคลายได้เมื่อไหร่
นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะสูญเสียงานถึง 20 ล้านตำแหน่งภายในสิ้นเดือน เม.ย. ซึ่งก่อให้เกิดคำถามว่ามาตรการปิดห้างร้านและจำกัดการเดินทางจะใช้ไปได้อีกนานแค่ไหน ขณะที่รัฐบาล ทรัมป์ ก็เริ่มออกมาเกริ่นเรื่องการเปิดเมืองเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งออกมาเผยแบบจำลองสถานการณ์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในอเมริกาน่าอยู่ที่ราวๆ 60,000 คนภายในวันที่ 4 ส.ค. ลดลงจากตัวเลข 100,000 คนที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าประชาชนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ social-distancing อย่างเข้มงวด