‘ไต้หวัน’ ยืนยันไม่เคยพูดเหยียดเชื้อชาติ ‘ผอ.อนามัยโลก’

เอเอฟพี - รัฐบาลไต้หวันออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ “ไม่มีมูล” ของ เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งอ้างว่าเกาะประชาธิไตยที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก WHO แห่งนี้ใช้คำพูดดูหมิ่นเชื้อชาติของตน

ไต้หวันยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นสมาชิก WHO จนแล้วจนรอด เนื่องจากเผชิญแรงกดดันจาก ‘จีน’ ซึ่งถือว่าเกาะแห่งนี้ยังเป็นดินแดนของตนอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความอึดอัดคับแค้นใจต่อไทเป โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ไต้หวันอ้างว่าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของ WHO ได้อย่างทันท่วงที และชีวิตพลเมืองต้องตกอยู่ในอันตรายจากเกมการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่ง WHO ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

เมื่อวานนี้ (8) ผอ. WHO ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ตนเองได้รับ โดยระบุว่า ‘ไต้หวัน’ อยู่เบื้องหลังแคมเปญพูดจากล่าวร้ายตน

“การพูดดูหมิ่นเหยียดหยามกันคือสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่เนื่องจากผมไม่ได้เป็นคนคิดมากเวลาที่ถูกใครมาพูดจาเหยียดเชื้อชาติ ผมจึงไม่แคร์ เพราะผมภาคภูมิใจในความเป็นคนดำ” เกเบรเยซัส กล่าว

“คำพูดโจมตีเหล่านี้มาจากไต้หวัน” เขายืนยัน “กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันก็ทราบเรื่องนี้ดี และไม่เคยออกมาปฏิเสธเลย”

ล่าสุด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน โจแอนน์ อู๋ ได้ออกมา “ประณามและประท้วงข้อครหาที่ไม่มีมูลเหล่านี้” ซึ่งเธอระบุว่าเป็นเพียงการ “คิดไปเอง”

“ไต้หวันเป็นชาติประชาธิปไตยที่มีวุฒิภาวะ ก้าวหน้า และประสบความสำเร็จอย่างสูง เราไม่เคยสนับสนุนให้พลเมืองของเราโจมตีผู้อำนวยการ WHO โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติ” อู๋ กล่าว

เธอย้ำว่ากระแสโจมตีผอ.WHO ในโลกออนไลน์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน และ เกเยเบรซุส ควรจะออกมาชี้แจงเรื่องนี้ รวมถึงขออภัยต่อชาวไต้หวันด้วย

รัฐบาลไต้หวันได้รับเสียงชื่นชมว่าสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ โดยขณะนี้ไต้หวันมียอดผู้ป่วยสะสมเพียง 379 ราย และผู้เสียชีวิต 5 ราย

เดือนที่แล้ว WHO ได้ออกถ้อยแถลงเกี่ยวกับไต้หวันซึ่งนานๆ จะมีสักครั้ง โดยระบุว่าได้ติดตามสถานการณ์และศึกษาบทเรียนจากมาตรการควบคุมโรคของไต้หวัน พร้อมชี้แจงว่าผู้เชี่ยวชาญจาก WHO ได้ประสานงานกับบุคลากรทางการแพทย์ของไต้หวันอย่างไรบ้าง

รัฐบาลไทเปกล่าวหา WHO ว่าเพิกเฉยต่อข้อซักถามของไต้หวันในช่วงที่ไวรัสเริ่มระบาดใหม่ๆ และยังไม่ยอมแชร์ข้อมูลของไต้หวันให้รัฐสมาชิกอื่นๆ ทราบ

ไต้หวันพยายามแชร์ความรู้และประสบการณ์ต่างๆ แก่ทั่วโลกภายใต้แคมเปญ “ไต้หวันช่วยได้” (Taiwan can help) และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ประกาศบริจาคหน้ากากอนามัย 10 ล้านชิ้นไปยังสหรัฐฯ, ยุโรป และอีก 15 ประเทศที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทเปอยู่

อู๋ ระบุว่า ไต้หวันยังมีแผนจะบริจาคหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมอีก 6 ล้านชิ้นให้กับยุโรปตะวันออก, ละตินอเมริกา, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรัฐต่างๆ ในอเมริกาที่กำลังถูกไวรัสโคโรนาโจมตีอย่างหนัก