รอยเตอร์ - สะพานถนนข้ามแม่น้ำสายหนึ่งทางภาคเหนือของอิตาลี ซึ่งปกติแล้วการสัญจรค่อนข้างหนาแน่น เกิดพังถล่มลงมาในวันพุธ (8 เม.ย.) แต่ด้วยที่แทบไม่มียานพาหนะแล่นผ่านไปมาตอนเกิดเหตุ อันเนื่องจากคำสั่งล็อกดาวน์รับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ โดยมีเพียงคนขับรถบรรทุก 2 รายที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
โฆษกหน่วยดับเพลิง เผยว่า สะพานความยาว 260 เมตร บนถนนสาย SS330 ใกล้เมืองเอาลา ราวๆ ครึ่งทางระหว่างเจนัวถึงฟลอเรนซ์ ในแคว้นทัสคานี ทางภาคเหนือของอืตาลี เกิดพังถล่มลงมาตอนเวลา 10.25 น. (ตรงกับเมืองไทย 15.25 น.)
แม้ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วันพุธ (8 เม.ย.) แต่มันตอกย้ำให้เห็นถึงสภาพอันย่ำแย่ขาดการซ่อมบำรุงในเครือข่ายท้องถนนของอิตาลี หลังจากเมื่อปี 2018 เพิ่งเกิดเหตุสะพานมอเตอร์เวย์แห่งหนึ่งพังถล่มในเมืองเจนัว คร่าชีวิตผู้คนไป 43 ศพ
ด้วยที่ทางการได้มีคำสั่งล็อกดาวน์เมืองต่างๆ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทำให้สะพานแห่งนี้อยู่ในสภาพเวิ้งว้างในตอนเกิดเหตุและมีรถเพียง 2 คันเท่านั้น ที่เคราะห์ร้าย ทั้งที่ปกติแล้วในช่วงกลางสัปดาห์เช่นนี้ สะพานแห่งนี้จะแออัดไปด้วยรถยนต์ที่สัญจรผ่านไปมา
โฆษกของหน่วยดับเพลิงเผยว่ามีคนขับ 2 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
หน่วยดับเพลิงได้ใช้สุนัขดมกลิ่นเข้าตรวจตราตามเศษซากของสะพานคอนกรีต ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1908 และมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่พบรถคันอื่นๆ
สะพานแห่งนี้เคยถูกภายต้การบริหารงานของเจ้าหน้าที่แคว้น ก่อนโอนย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ANAS บริษัทที่มี Ferrovie dello Stato รัฐวิสาหกิจเดินรถไฟเป็นเจ้าของตั้งแต่ปี 2018
ANAS ระบุว่า ได้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของสะพานแห่งนี้เป็นระยะๆ มานับตั้งแต่ปี 2019 พร้อมระบุว่าได้จัดจั้งคณะทำงานเฉพาะกิจหนึ่งขึ้นมาเพื่อค้นหาสาเหตุของเหตุพังถล่มครั้งนี้
ส่วนทาง เปาลาเดอ มิเชลี รัฐมนตรีคมนาคม บอกว่า ทางกระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้นำเสนอรายงานภายใน 30 วัน