เอเจนซีส์ – ล่าสุดพลเมืองสหรัฐฯหลายร้อยคนติดค้างอยู่ในรัสเซีย เกิดขึ้นหลังเครมลินวันศุกร์(3 เม.ย)สั่งยกเลิกการเดินทางเข้าและออกประเทศตอบโต้การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ขณะที่พลเมืองเอกวาดอร์โกรธแค้นที่เห็นศพติดเชื้อถูกทิ้งข้างถนน และมีมากจนทางการฝังไม่ทัน
เอบีซีนิวส์ สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(4 เม.ย)ว่า จูเลียน แม็คเคย์(Julian MacKay) นักเต้นบัลเล และน้องชาย นิโคลัส(Nicholas) พยายามอย่างหนักที่จะเดินทางออกนอกรัสเซียเป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อเยี่ยมบิดาที่กำลังเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในรัฐมอนทานา
คนทั้งคู่คิดไปว่าทำสำเร็จที่สามารถจับเที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมเตียโว ของกรุงมอสโกในคืนวันศุกร์(3)ของสายการบินแอโรฟลอทเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองนิวยอร์ก ซิตี แต่ทว่าระหว่างที่คนทั้งคู่อยู่บนเครื่อง จู่ๆกัปตันชาวรัสเซียส่งเสียงออกมาเป็นภาษารัสเซียประกาศว่า เครื่องบินจะไม่ทำการขึ้นบินเพราะเที่ยวบินถูกยกเลิก
นิโคลัส ชาวอเมริกันวัย 19 ปีเปิดเผยกับเอบีซีนิวส์ทางโทรศัพท์ว่า “พวกเรารัดเข็มขัดและเตรียมพร้อมที่จะไปอยู่แล้ว และพวกเราได้ส่งข้อความไปให้แม่รับทราบว่าพวกเรากำลังจะกลับบ้าน” และเสริมต่อว่า “ทันใดนั้นเสียงผ่านอินเตอร์คอมก็ประกาศว่าเที่ยวบินยกเลิก ทุกเที่ยวบินออกจากรัสเซียถูกสั่งยกเลิก และไม่ได้พูดอะไรอีก ผู้คนเริ่มหวาดกลัวและต่างตะโกนพยายามที่จะอยู่บนเครื่องต่อ”
พี่น้องตระกูลแม็คเคย์ถูกบังคับให้ลงจากเครื่องและในเวลานี้ติดอยู่ที่รัสเซียจากที่เที่ยวบินระหว่างประเทศถูกสั่งยกเลิกยาวไปจนถึงพฤษภาคม
รัสเซียออกคำสั่งปิดพรมแดนต่อชาวต่างชาติเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนและทำการจำกัดการบินอย่างมากทั้งเข้าและออกประเทศแต่ยังมีบางเที่ยวบินยังได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้จนกระทั่งในวันศุกร์(3) สำนักงานที่ดูแลวิกฤตแพร่ระบาดโควิด-19ออกมาประกาศจะยุติการบินทั้งขาเข้าและออกรัสเซียทั้งหมดเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป
เอบีซีนิวส์ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเครมลินนี้เป็นการโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในกรุงมอสโกอย่างๆซึ่งหน้า โดยทางสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงมอสโกกล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รัสเซียช่วงเช้าวันศุกร์(3)ถึงคำสั่งห้ามบินเข้าออกประเทศ
ทั้งนี้ทางสถานทูตกล่าวกับพลเมืองสหรัฐฯว่า จะพยายามจัดหาเที่ยวบินเช่าเหมาลำให้กับพลเมืองสหรัฐฯที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ แต่ยังเตือนว่าทางสถานทูตยังจำเป็นต้องขออนุญาตจากทางการรัสเซียเสียก่อนและการดำเนินงานต้องกินเวลาอีกหลายวันซึ่งเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน
ซึ่งนับตั้งแต่ประเทศต่างๆทั่วโลกได้สั่งปิดพรมแดนและน่านฟ้าแล้ว กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯมีหน้าที่ต้องนำคนอเมริกันกลับบ้าน ซึ่งมาจนถึงวันเสาร์(4)พบว่ามีชาวอเมริกันจำนวน 38,000 คนจาก 78 ประเทศทั่วโลกสามารถเดินทางกลับเข้าอเมริกาได้อย่างปลอดภัย แต่พบว่ายังคงมีพลเมืองสหรัฐฯอีก 22,000 คนรวมถึงกลุ่มที่อยู่ในรัสเซียยังคงรอคอยการช่วยเหลือ อ้างอิงตัวเลขจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
ซึ่งทางสถานทูตสหรัฐฯประจำรัสเซียยืนยันว่า มีพลเมืองสหรัฐฯในรัสเซียได้ติดต่อสถานทูตเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ทว่ามาจนถึงเวลานี้ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯยังไม่ได้จัดหาเที่ยวบินเช่าเหมาลำให้
พบว่ามีชาวต่างชาติหลายสิบคนติดอยู่ภายในสนามบินมอสโก รวมไปถึงชาวอเมริกันหยิบมือต้องอาศัยในเทอร์มินอลที่ว่างเปล่า บัซฟีดนิวส์รายงานว่า สัปดาห์นี้มีชาวรัฐแอริโซนารายหนึ่งป่วยด้วยโรคหืดหอบด้านในสนามบินหลังต้องติดอยู่นานหลายวัน และมีแรงงานจากเอเชียกลางติดอยู่ด้านในเช่นกันซึ่งส่วนมากไม่มีอาหารหรือเงินติดตัว
ในขณะที่เอกวาดอร์ที่มีปัญหาศพผู้ติดเชื้อถูกทิ้งเกลื่อนกลางถนน และทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความโกรธแค้นหลังเอกวาดอร์ไม่สามารถรับมือฝังศพผู้เสียชีวิตได้ทัน เอเอฟพีรายงานว่า ล่าสุดวันอาทิตย์(5) รองประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ออตโต ซอนเนนโฮลซ์เนอร์( Otto Sonnenholzner) ได้ออกมาขออภัยหลังศพจำนวนมากถูกทิ้งที่เมืองกัวยากิล (Guayaquil)
ทั้งนี้พบว่าเจ้าหน้าที่เอกวาดอร์สามารถเก็บศพติดเชื้อได้ถึง 150 ศพจากข้างทางและที่บ้านพักอาศัยในสัปดาห์นี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีการยืนยันว่ามีจำนวนเท่าใดที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา
“เราได้เห็นภาพที่ไม่น่าจะต้องเกิดขึ้นและในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ประชาชน ผมต้องขออภัยในสิ่งนี้” รองประธานาธิบดีเอกวาดอร์กล่าว
เอกวาดอร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกือบ 3,500 คน และเสียชีวิต 172 คน
อ้างอิงจากนายกเทศมนตรีเมืองกัวยากิลพบว่าได้มีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นไว้ 3 ตู้สำหรับเป็นที่เก็บศพชั่วคราว