ซีเอ็นเอ็น - ในขณะที่ผู้คนทั่วโลกช่วยกันทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผ่านการเว้นระยะห่างทางสังคม, ทำงานจากที่บ้านและแนวทางอื่นๆ แต่มีคำถามตัวโตที่กำลังถกเถียงกันหนัก ว่า ประชาชนควรต้องสวมหน้ากากอนามัยยามที่ไปข้างนอกหรือไม่
องค์การอนามัยโลกในวันจันทร์ (30 มี.ค.) เน้นย้ำคำแนะนำที่ว่าประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากอนามัยก็ต่อเมื่อมีอาการป่วยหรือต้องดูแลคนป่วย เพราะไม่มีหลักฐานบ่งว่าการสวมหน้ากากของประชากรหมู่มากนั้นให้ประโยชน์อย่างไร ตรงกันข้ามกลับพบหลักฐานบ่งชี้ถึงผลเสียหากใช้หน้ากากอนามัยผิดวิธีหรือใส่ไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขอื่นๆมากขึ้นเรื่อยโต้แย้งว่าประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส
ในส่วนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างแถลงสรุปสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) บอกว่า “เราไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ควรสวมเวลาสั้นๆหลังจากเรากลับไปทำงาน ผมอยากเห็นมันเกิดขึ้นสำหรับช่วงเวลาหนึ่งๆ”
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับคณะทำงานด้านโควิด-19 ของทำเนียบขาวบอกกับซีเอ็นเอ็น ว่า แนวคิดขอให้อเมริกันชนสวมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงเวลาหนึ่งๆระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ดูเหมือนกำลังอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างจริงจัง
ส่วนหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯกำลังพิจารณาอย่างจริงจังในการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำในเรื่องของการใช้หน้ากากอนามัยในประชาชนทั่วไป
ทอม อินเกลสบี ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงทางสุขภาพของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เขียนบนทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) ว่า “ประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่ไม่ใช้ในด้านการแพทย์ ตอนออกไปสถานที่สาธารณะ เพิ่มเติมจากการเว้นระยะห่างทางสังคมในความพยายามชะลอการแพร่ระบาดของไวรัส
ดอกเตอร์ สกอตต์ กอตเตียบ อดีตคณะกรรมาธิการสำหรับองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ เขียนบนทวิตเตอร์เช่นกันเมื่อวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) ว่า คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เกี่ยวกับการสวมหน้ากากผ้าฝ้ายของประชาชนทั่วไป สามารถเพิ่มความปลอดภัยและลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค เช่นเดียวกับไม่ก่อปัญหาขาดแคลนตามโรงพยาบาลต่างๆ
ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกและพวกผู้เชี่่ยวชาญของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ เคยโต้แย้งมานานว่าบุคคลที่ไม่ป่วย และไม่ได้ดูแลคนป่วยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานด้านการแพทย์มีเพียงพอสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้มันมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัย โดยชี้ถึงผลวิจัยที่ผ่านมา ซึ่งเผยให้เห็นถึงประสิทธิผลของหน้ากากอนามัยในการป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่มาแล้ว
ผลการศึกษาหนึ่งซึ่งเผยแพร่ใน Journal of Hospital Infection ปี 2013 พบว่า หน้ากากอนามัยที่ใช้สวมในขณะผ่าตัด (Surgical mask) สามารถช่วยลดโอกาสติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทางอากาศได้