เอเจนซีส์ - 'ทรัมป์'ยังคุยโอ่ อเมริการับมือสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้อยู่หมัด แต่หน่วยงานควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯกลับเตือนพลเมืองและภาคธุรกิจ รวมถึงสถาบันการศึกษา และรัฐบาลท้องถิ่นเริ่มเตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโคลวิด-19 ที่เชื่อว่า จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน องค์การอาหารและยาอเมริกันแสดงความกังวลว่า ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อาจขาดแคลนเนื่องจากวัตถุดิบจำนวนมากทำในจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวขณะเยือนอินเดียเมื่อวันอังคาร (25ก.พ.) ว่า อเมริกามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพียงไม่กี่คน และมีบุคลากรที่มีความสามารถจำนวนมากที่ถูกดึงตัวมาเตรียมการรับมือไวรัสนี้แล้ว พร้อมสำทับว่า สถานการณ์ในอเมริกาอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างดีเยี่ยม
ต่อมา แลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวถึงตลาดหุ้นที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงวันสองวันมานี้ว่า เป็นโอกาสที่นักลงทุนควรเข้าไปกว้านซื้อ และย้ำว่า เศรษฐกิจอเมริกาอยู่ในสภาวะที่ดี และไวรัสจะไม่คงอยู่ตลอดกาล อเมริกาควบคุมได้อยู่ในขณะนี้
ทว่า พ.ญ.แนนซี เมสซันเนียร์ ผุ้อำนวยการศูนย์ของศูนย์โรคระบบทางเดินหายใจ ในศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ กลับมีความเห็นในทิศทางตรงข้ามโดยเธอระบุระหว่างการแถลงข่าวในกรุงวอชิงตันวันอังคาร (25) ว่า มาถึงเวลานี้คำถามไม่ใช่ว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯหรือไม่อีกต่อไปแล้ว แต่ต้องถามว่า การระบาดจะเกิดขึ้นเมื่อใดและรุนแรงแค่ไหน
เห็นกันว่ามุมมองเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ซีดีซีกำลังปรับยุทธศาสตร์จากเดิมที่มุ่งเน้นการหยุดยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าสู่อเมริกาและกักตัวผู้ที่เดินทางจากจีน
เมสซันเนียร์กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการระบาดในประเทศต่างๆ ทำให้ซีดีซีมีความกังวลมากขึ้นและคาดว่า ไวรัสกำลังจะเข้าสู่อเมริกา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งภาคธุรกิจ โรงเรียน และประชาชนควรเริ่มหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการระบาด
สำหรับโรงเรียนนั้น เมสซันเนียร์แนะนำทางเลือกในการแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเล็กลง หรือในกรณีที่มีการระบาดรุนแรงควรปิดโรงเรียนและใช้การสอนทางอินเทอร์เน็ตแทน ขณะที่ภาคธุรกิจอาจใช้วิธีประชุมทางไกลและทำงานจากที่บ้านมากขึ้น สำหรับหน่วยงานในท้องถิ่นควรยกเลิกกิจกรรมที่มีกลุ่มคนจำนวนมาก ส่วนโรงพยาบาลอาจเพิ่มบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์
วันเดียวกันนั้น พ.ญ.แอนน์ ชูแชต รองผู้อำนวยการใหญ่ซีดีซี กล่าวในการประชุมทางไกลว่า แม้ความเสี่ยงเฉพาะหน้าที่จะเกิดการระบาดในอเมริกายังถือว่าต่ำ แต่สถานการณ์ทั่วโลกขณะนี้บ่งชี้ว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดการระบาดได้
ทางด้าน สตีเฟน ฮาห์น ผู้อำนวยการองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) แสดงความกังวลว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาอาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งรวมถึงแนวโน้มการหยุดชะงักของการจัดส่งหรือการขาดแคลนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่สำคัญในอเมริกา เนื่องจากส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตยาจำนวนมากผลิตในจีน
ฮาห์นสำทับว่า อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย เครื่องช่วยหายใจ และเสื้อคลุมแพทย์ เป็นผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งที่เสี่ยงต่อการขาดแคลน
เวลาเดียวกัน อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสุขภาพและบริการมนุษย์ แถลงต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาว่า มีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อในอเมริกาเพิ่มขึ้น และขอให้สภาอนุมัติงบประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์เพื่อต่อสู้กับไวรัส
การระบาดอย่างรวดเร็วในอิหร่าน อิตาลี และเกาหลีใต้ ทำให้มีความกังวลในวงกว้างว่า ไวรัสโคโรนาจะลามไปยังประเทศใหม่ๆ และทำให้สถานการณ์ในประเทศที่พบผู้ติดเชื้ออยู่แล้วรุนแรงยิ่งขึ้น และบ่อนทำลายเศรษฐกิจโลกมากขึ้น โดยในวันอังคารตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ดิ่งฮวบอีกรอบต่อเนื่องจากวันจันทร์
ทั้งนี้ไวรัสโคโรนาทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,600 คน และผู้ติดเชื้อเกือบ 80,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในจีน สำหรับในอเมริกานั้นพบผู้ติดเชื้อ 57 คน
เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โทนี ฟอว์ซี จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ เผยว่า วัคซีนที่บริษัทโมเดอร์นากำลังพัฒนาพิสูจน์แล้วว่า ได้ผลกับหนูและจะเริ่มทดสอบกับคนภายใน 1 เดือนครึ่ง ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะสามารถวางตลาดได้ในราว 1 ปีครึ่ง
