เอเจนซีส์ - เนเธอร์แลนด์ สเปน และ ตุรกี ไม่ยอมรับชุดตรวจไวรัสโควิด-19 และหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากจีน หลังพบว่าไม่ได้มาตรฐาน ระอุ นักการทูตยุโรป ชี้ จีนใช้การทูตหน้ากากเข้าหาหวังปัดความรับผิดชอบต้นเหตุโควิด-19 ระบาดทั่วโลก อิหร่านเสียชีวิตเพิ่ม 2,757 ราย ส่วนหมอในอิตาลี 61 คน ดับจากโควิด-19
ไฟแนนเชียลไทม์ส สื่อธุรกิจรายงานเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) ว่า ในเวลานี้มีชาติสมาชิกยุโรปบางประเทศ รวมตุรกี ออกมาปฏิเสธไม่ยอมรับเครื่องมือป้องกันโควิด-19 รวมไปถึงชุดตรวจไวรัสโคโรนา หลังพบว่าเป็นสินค้าต่ำกว่ามาตรฐาน
พบว่า เนเธอร์แลนด์ สเปน และ ตุรกี ออกมาอ้างว่า มีปัญหาในตัวสินค้าซึ่งรวมไปถึงหน้ากากและชุดตรวจท่ามกลางจำนวนที่เพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อในยุโรปทำให้ชาติอียูต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าทั้งหน้ากากอนามัยและชุดตรวจจากจีน
กระทรวงสาธารณสุขดัตช์ ประกาศเรียกคืนหน้ากากอนามัยร่วม 600,000 ชิ้น ที่สั่งมาจากจีน เมื่อวันที่ 21 มี.ค แต่พบว่าเกิดปัญหารวมไปถึงหน้ากากไม่สามารถปกป้องบริเวณปาก และแผ่นกรองไม่ได้มาตรฐาน
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สินค้าหน้ากากจีนเหล่านี้ นำมาจากแหล่งที่ไม่ทราบ แต่ทว่ามาพร้อมกับใบรับรองมาตรฐาน KN95 ซึ่งหมายความว่า ต้องมีประสิทธิภาพกรองได้ไม่ต่ำกว่า 95% ของอนุภาคในอากาศ
ทั้งนี้ พบว่า เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในชาติในยุโรปที่ได้รับอุปกรณ์ทางการแพทย์จากจีน ซึ่งต้นเดือนนี้พบว่า บริษัทยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีน “หัวเว่ย” ได้บริจาคหน้ากากอนามัย 800,000 ชิ้น ให้กับเนเธอร์แลนด์ โดยล็อตแรกได้รับการต้อนรับจากรัฐมนตรีสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ ฮูโก เดอ ยอง (Hugo de Jonge)
ส่วนที่สเปนที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ล่าสุด รัฐบาลมาดริดได้ออกคำสั่งถอนชุดตรวจไวรัสโคโรนา 8,000 ชุด ที่มาจากจีน และยังส่งกลับอีก 50,000 ชุด ที่ยังไม่ได้แจกจ่ายออกมาไป สเปนชี้ว่าชุดตรวจไวรัสโคโรนาเหล่านี้มีผลคลาดเคลื่อน
รัฐบาลมาดริดกล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตจีน เซินเจิ้น ไบโออีซีย์ ไบโอเทคโนโลยี (Shenzhen Bioeasy Biotechnology) จะส่งมาให้ใหม่จำนวน 58,000 ชุดในอีกไม่กี่วัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของล็อต 640,000 ชุด ที่ต้องทำการส่งให้ทางสเปน
ทางบริษัทผู้ผลิตจีนอ้างว่า ความผิดพลาดของชุดตรวจอาจเกิดมาจากการรวบรวมตัวอย่างที่ไม่ถูกต้อง หรือปัญหาจากการใช้ชุดตรวจ
สถานทูตจีนประจำกรุงมาดริด กล่าวว่า ชุดตรวจผิดพลาดของบริษัทไบโออีซีย์นั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสินค้าที่ทางสถานทูตช่วยจัดหา
ปัญหาชุดตรวจจากจีนยังพบในตุรกี โดยรัฐบาลอังการาออกมาประกาศว่า ชุดตรวจแอนติเจนของจีนไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ตุรกีปฎิเสธการรับก่อนที่จะถูกนำไปใช้กับคนไข้ในประเทศ
ด้าน อเตส คารา (Ateş Kara) คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ไวรัสโคโรนาของรัฐบาลอังการาออกมาชี้ว่า ค่าความผิดพลาดของชุดตรวจแอนติเจนนั้นมีสูง “เราต้องการให้ชุดตรวจทั้งหมดมีความถูกต้อง 100%”
ทั้งนี้ คารา กล่าวว่า นอกจากนี้ ตุรกีมีความพอใจต่อชุดตรวจแอนติเจนด่วนจำนวน 350,000 ชุด ที่ทางการได้ซื้อมาจากจีน ซึ่งชุดตรวจทั้งหมดของตุรกีเป็นการซื้อมาจากบริษัทเอกชนโดยตรงมากกว่าผ่านทางรัฐบาลปักกิ่ง อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิด
ไฟแนนเชียลไทม์ส ชี้ว่า การออกมาแสดงการไม่ยอมรับต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์ของจีนมากขึ้น เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนักการทูตระดับสูงของยุโรป ที่ชี้ว่า จีนพยายามใช้นโยบายหน้ากากอนามัยเข้าหา เพื่อหวังปัดความรับผิดชอบจากการที่เป็นต้นตอของโรคระบาดไปทั่วโลก
สัปดาห์ที่ผ่านมา หัวหน้านโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรล (Josep Borrell) เรียกร้องให้อียูออกมาเตรียมความพร้อมต่อการแผ่อิทธิพลของจีนผ่านวิกฤตไวรัสโคโรนาด้วยความใจกว้างอย่างหวังผล โดยเขาชี้ว่า จีนกำลังส่งเครื่องมือและแพทย์มาที่ยุโรป พยายามอย่างหนักเพื่อส่งข้อความว่า “ไม่เหมือนเช่นสหรัฐฯ จีนเป็นพันธมิตรที่รับผิดชอบและพึ่งพาได้”
เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์ สื่อฮ่องกงรายงานว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตจีนได้พยายามจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์ไปให้กับยุโรป โดยชาติล่าสุดที่ได้รับเครื่องมือทางการแพทย์จากจีน คือ ฮังการี นายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์แบน ออกมายืนยันว่า ฮังการีได้รับหน้ากากอนามัยจากจีน 3 ล้านชิ้น ชุดตรวจ 100,000 ชุด และเครื่องช่วยหายใจอีก 86 เครื่อง
หัวเว่ยยักษ์ใหญ่ทางด้านโทรคมนาคมของจีนล่าสุดออกมาแถลง จะลดกำลังการส่งหน้ากากอนามัยไปให้กับยุโรปสำหรับการบริจาคหลังจากบอร์เรลออกมาตำหนิจีน
Euractiv รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (26) ก่อนหน้า ว่า ทางหัวเว่ยจะลดขนาดโครงการบริจาคลงด้วย เกรงว่า จะตกเป็นเหยื่อในการเมืองระหว่างประเทศจากการที่หัวหน้านโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลออกมาชี้ว่า ปักกิ่งใช้นโยบายการทูตแบบใจกว้างเพื่อหวังแผ่อิทธิพลและเปลี่ยนเรื่องราวของวิกฤตที่ต้นตอการเกิดโรคโควิด-19 นั้นมาจากจีน
แต่อย่างไรก็ตาม หัวเว่ย กล่าวว่า พร้อมที่จะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของยุโรปที่ในเวลานี้กำลังขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างหนัก
ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้บริจาคหน้ากากหลายล้านชิ้นให้กับชาติสมาชิกยุโรปส่วนหนึ่งรวมไปถึง อิตาลี ไอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และ สเปน
ซึ่งนอกเหนือจากหัวเว่ย พบว่าบริษัทอาลีบาบาของแจ็ค หม่าได้ทำการบริจาคเช่นกัน
บอร์เรล ชี้ว่า “จีนพยายามอย่างหนักที่จะผลักดันข้อความ ว่า ไม่เหมือนเช่นสหรัฐฯ จีนเป็นพันธมิตรที่รับผิดชอบและพึ่งพาได้ ในสงครามแห่งการสร้างเรื่องราวที่เราได้เห็นความพยายาม เพื่อที่จะดิสเครดิตสหภาพยุโรปและบางสิ่งที่ยุโรปมีบาดแผลราวกับว่าทุกคนเป็นพาหะไวรัส”
เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์ฉบับวันอังคาร (24) ที่แล้ว ชี้ว่า 2 ความเคลื่อนไหวล่าสุดได้เปลี่ยนแนวความคิดสหภาพยุโรป อ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิด ทำให้เกิดการผลักดันเจ้าหน้าที่อียูให้กลับไปอยู่กับแนวความคิดที่ว่า “จีนเป็นศัตรู” ซึ่งเป็นข้อความที่ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยุโรปใช้
ซึ่งวันพฤหัสบดี (26) แหล่งข่าวใกล้ชิดกับหัวเว่ย กล่าวว่า ทางบริษัทจะยุติโครงการบริจาคหน้ากากอนามัย เพราะไม่ต้องกาตกเป็นเหยื่อในสงครามทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯ