เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของสหรัฐฯ เผย มีความเป็นไปได้สูงที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ จะกลับมาระบาดซ้ำตามฤดูกาล ซึ่งทำให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันและวิธีรักษาที่ได้ผลจริง
แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐฯ (National Institutes of Health - NIH) แถลงวานนี้ (25 มี.ค.) ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มที่จะฝังตัวในซีกโลกใต้ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
“เราจะเริ่มเห็นแล้วว่า ในแอฟริกาตอนใต้และประเทศแถบซีกโลกใต้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวเริ่มมีผู้ติดเชื้อ” เฟาซี กล่าว “และหากเกิดการระบาดครั้งใหญ่ที่นั่น เราก็จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเตรียมตัวรับมือกับการระบาดที่จะวนมาซ้ำสอง”
“สิ่งนี้เองที่ยืนยันว่า เราจำเป็นต้องเร่งพัฒนาวัคซีนให้สำเร็จ ทำการทดสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีวัคซีนพร้อมใช้งาน ก่อนที่การระบาดวงรอบถัดไปจะมาถึง”
ขณะนี้มีเพียงจีนและสหรัฐฯ ที่ได้คิดค้นวัคซีนและเริ่มนำมาทดลองในมนุษย์ ซึ่งกว่าจะทดสอบประสิทธิภาพจนนำไปสู่การผลิตเพื่อใช้งานจริงได้ก็คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือปีครึ่ง
ผู้เชี่ยวชาญยังพยายามคิดค้นตัวยาใหม่ๆ หรือนำตัวยาที่มีอยู่เดิม เช่น ‘คลอโรควิน’ และ ‘ไฮดร็อกซีคลอโรควิน’ ซึ่งใช้กับผู้ป่วยมาลาเรียมาทดลองใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19
“ผมมั่นใจว่า เราคงจะยับยั้งการระบาดคราวนี้ได้ แต่จำเป็นจริงๆ ที่เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวงรอบถัดไป” เฟาซี กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ ระบุว่า เชื้อโควิด-19 แพร่กระจายได้ดีในสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากกว่าภูมิอากาศที่ร้อนชื้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยในจีนซึ่งยังอยู่ในขั้นตอน peer-review
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะอุณหภูมิที่หนาวเย็น ทำให้ละอองฝอย (droplets) จากระบบทางเดินหายใจล่องลอยอยู่ในอากาศได้นานกว่า และยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์อ่อนแอลง นอกจากนี้ อากาศที่ร้อนยังทำให้เปลือกหุ้มไวรัส ซึ่งมีลักษณะเป็นชั้นไขมันเสื่อมสภาพ (degrade) ได้เร็วกว่า