เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (17 มี.ค.) แถลงแผนส่งเงินถึงมือพลเมืองอเมริกาในทันที เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากวิกฤตโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ พร้อมย้ำเรียกโควิด-19 ในชื่อ “ไวรัสจีน” แม้มีเสียงประท้วงดุเดือดมาจากปักกิ่ง โหมกระพือสงครามน้ำลายรอบใหม่ระหว่างสองชาติ
หลังจากปฏิเสธความรุนแรงของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 มานานหลายสัปดาห์ ในวันอังคาร (17 ม.ค.) ทรัมป์ร้องขอความสนับสนุนจากทั้งรีพับลิกัน และเดโมแครต สำหรับเร่งรัดแจกเงินสดถึงมือครอบครัวอเมริกันชนในทันที “เราไม่ต้องการเห็นคนตกงานและไม่มีเงินประทังชีวิต” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมด้วย สตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลัง พร้อมระบุว่า “แพกเกจนี้เป็นตัวเลขมหาศาล เป็นแพกเกจที่ใหญ่โตมาก”
ในขณะที่ ทรัมป์ ไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงว่าแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ใช้เงินมหาศาลแค่ไหน แต่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์บอกว่ามันน่าจะเป็นจำนวนกว่า 850,000 ล้านดอลลาร์
มนูชิน กล่าวเสริมว่า ในขณะที่ธุรกิจกำลังถูกปิดตายทั่วประเทศสืบเนื่องจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ชาวอเมริกาต้องการเงินสดในตอนนี้ “เรากำลังพิจารณาส่งเช็คถึงอเมริกันชนในทันที ที่ผมหมายถึงคือในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า” เขากล่าว ขณะที่ทรัมป์เสริมว่าตอนนี้อยู่กำลังพิจารณาว่าจะมอบเช็คแก่ประชาชนเป็นจำนวนเงินมากน้อยแค่ไหน
ขณะเดียวกัน มนูชินกล่าวว่า ในส่วนของภาคธุรกิจสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงินมากถึง 10 ล้านดอลลาร์ ส่วนบุคคลธรรมดาสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ โดยทรัมป์ได้อนุมัติให้มีการเลื่อนการชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรสหรัฐฯ คิดเป็นวงเงินรวม 300,000 ล้านดอลลาร์
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ยังรวมไปถึงเงินสนับสนุนสายการบินต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่อย่างหนัก เพราะว่าสถานการณ์ถือว่าเลวร้ายกว่าเมื่อครั้งโศกนาฏกรรม 9/11 เนื่องจากการเดินทางแทบตกอยู่ในภาวะชะงักงัน
วอชิงตันโพสต์ระบุว่าในแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เงิน 50,000 ล้านดอลลาร์จะถูกจัดสรรสำหรับช่วยเหลือสายการบินต่างๆ ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่ทางอุตสาหกรรมการบินร้องขอ
ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เคลื่อนไหวเชิงรุกเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น พยุงตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากภาวะที่เกือบจะแน่นิ่ง สืบเนื่องจากความหวาดผวาและขาดเงินสด ซึ่งเป็นการลงมือเร็วกว่าเมื่อครั้งเผชิญวิกฤตการเงินโลกปี 2008
เมื่อวันอาทิตย์ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0% และเพิ่มการซื้อสินทรัพย์จำนวนมหาศาล แบ่งเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาลกับตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง มูลค่ารวม 700,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจโดยตรง
นอกจากนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด แถลงว่า เฟดร่วมกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รวมถึงแบงก์ชาติของอังกฤษ ญี่ปุ่น แคนาดา และสวิตเซอร์แลนด์ ออกมาตรการชุดใหญ่เพื่อให้สถาบันการเงินระดมทุนสกุลดอลลาร์ได้ง่ายขึ้นและผ่อนคลายความกังวลในตลาดสินเชื่อ
มนูชิน บอกว่า เขากำลังจะนำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไปนำเสนอต่อสมาชิกวุฒิสภารีพับลิกัน และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนี้ในวันอังคาร (17 มี.ค.)
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ มุ่งเน้นไปที่ระงับเก็บภาษีเงินเดือนพลเมืองอเมริกาทุกคนไปอย่างน้อยจนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายน แต่พวกเดโมแครตและนักเศรษฐศาสตร์บอกว่าการมุ่งเน้นเฉพาะภาษีเงินเดือน อาจทำให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง, คนว่างงาน และคนงานรายชั่วโมง ไม่ได้รับประโยชน์
ทรัมป์บอกว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับงบประมาณสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจในทันที และยอมรับอีกครั้งว่าเศรษฐกิจอาจปักหัวลงสู่ภาวะถดถอย แต่มันจะกลับมาแข็งแกร่งเมื่อครั้งกำราบไวรัสได้เรียบร้อยแล้ว
ในวันจันทร์ (16 มี.ค.) ทรัมป์ โหมกระพือความขุ่นเคืองจากจีน ด้วยการทวีตข้อความเรียกไวรัสโควิด-19 ว่า “ไวรัสจีน” กระตุ้นให้ทางการปักกิ่งออกมาตอบโต้ โดยบอกว่ามันเป็นการสร้างมลทินให้แก่ประเทศจีน และกล่าวว่ารัฐบาลจีนขอคัดค้านอย่างเต็มที่กับการที่ทรัมป์ใช้ถ้อยคำดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (17 มี.ค.) ทรัมป์ยืนกรานคำพูดของดังกล่าวอีกครั้ง โดยไม่สนใจต่อเสียงประท้วงของจีน “มันมาจากจีน ดังนั้นผมคิดว่ามันจึงถูกต้องที่สุด” ทรัมป์กล่าวระหว่างแถลงข่าว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มี.ค.) กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เรียก ชุย เทียนข่าย เอกอัครราชทูตจีน เข้าพบเพื่อประณามการที่ปักกิ่งโหมกระพือทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย หลัง จ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ทวีตทั้งภาษาจีนกลางและอังกฤษในทำนองว่า “ผู้ป่วยต้นตอ” ของการระบาดครั้งนี้อาจมาจากอเมริกา ไม่ใช่อู่ฮั่น
ทรัมป์ บ่งชี้ว่า แรงจูงใจของเขาในครั้งนี้คือการตอบโต้การทำสงครามบิดเบือนข่าวสารของจีนที่กล่าวโทษกองทัพสหรัฐฯ ว่าเป็นต้นตอของไวรัส “จีนกำลังแพร่กระจายข่าวสารอันเป็นเท็จ ผมไม่พอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า จีนกล่าวหาว่าทหารของเราแพร่เชื้อให้พวกเขา ทหารของเราไม่ได้แพร่เชื้อให้ใครเลย”