เอเอฟพี - รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ในวันจันทร์ (16 มี.ค.) ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปจนถึงวันที่ 19 เมษายน ในความพยายามต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่วนสเปนสั่งปิดชายแดน และเยอรมนีแบนห้ามการรวมตัวของคนหมู่มากตามโบสถ์และมัสยิดต่างๆ ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นหลังจากศูนย์กลางการแพร่ระบาดได้ย้ายจากจีนสู่ยุโรป
ซิโมเนตตา ซอมมารูกา ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า “มีความจำเป็นที่ต้องตอบโต้แข็งกร้าวทั่วประเทศ และตอนนี้เรามีความจำเป็นแล้ว”
ทุกร้านค้า, ร้านอาหาร, บาร์ และสถานบันเทิง รวมถึงศูนย์สันทนาการต่างๆ จะถูกปิด ยกเว้นแต่ร้านขายของชำ, ร้านขายยาและสถานพยาบาล ขณะเดียวกัน สวิตเซอร์แลนด์จะคุมเข้มชายแดนติดกับเยอรมนี, ฝรั่งเศส และออสเตรีย ตั้งแต่เที่ยงคืน (วันจันทร์) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยกระดับคุมชายแดนทางใต้ติดกับอิตาลี ชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดไปก่อนแล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้อนุมัติกำลังพล 8,000 นาย เข้าสนับสนุนเขตปกครองท้องถิ่นๆ ด้านโลจิสติกส์ และความปลอดภัยตามโรงพยาบาลต่างๆ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอาทิตย์ (15 มี.ค.) เพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 คนเป็น 2,200 คนใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และในนั้นเสียชีวิต 14 ราย
ถ้อยแถลงของรัฐบาลระบุว่า “สถานการณ์ในสวิตเซอร์แลนด์ถูกจัดในประเภทสถานการณ์พิเศษ ซึ่งสามารถบังคับใช้มาตรการต่างๆ ในระดับชาติ นั่นก็คือบังคับใช้ในทุกเขตการปกครองทั้ง 26 เขต”
“ทุกกิจกรรมสาธารณะหรือกิจกรรมเอกชนถูกห้ามนับตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป ทุกร้านค้า, ตลาด,ร้านอาหาร,บาร์, สถานบันเทิง, แหล่งสันทนาการ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์, ห้องสมุด,โรงภาพยนตร์, ห้องแสดงคอนเสิร์ต, โรงละคร, ศูนย์กีฬา, สระว่ายน้ำ และลานสกีจะถูกปิด” อย่างไรก็ตาม ร้านขายของชำ, สถานีบริการน้ำมัน, โรงแรม, ธนาคารและที่ทำการไปรษณีย์จะยังคงเปิดให้บริการ
ด้านสเปนสั่งปิดพรมแดนทางภาคพื้น หลังยอดผู้ติดเชื้อขยับเข้าใกล้ 10,000 คน แม้สั่งปิดตายทั่วประเทศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาตรการที่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าอาจขยายเวลาไปเกินกว่า 2 สัปดาห์
ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจากสเปนกำหนดข้อจำกัดต่างๆ อย่างที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน สั่งพลเมือง 46 ล้านคนอยู่แต่ในบ้าน ปิดร้านร้านธุรกิจต่างๆ ยกเว้นแต่ร้านขายอาหาร, ร้านขายยาและสถานีบริการน้ำมัน
อย่างไรก็ตามจนถึง 14.30 น.(ตรงกับเมืองไทย 20.30 น.) กระทรวงสาธารณสุขสเปนระบุว่ายอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 9,191 คน และเสียชีวิต 309 คน กระตุ้นให้รัฐบาลต้องปิดชายแดนทางภาคพื้น โดยจะมีผลตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนเป็นต้นไป โดยมีเพียงพลเมืองชาวสเปน, บุคคลที่มีถิ่นพำนักหรือบุคลากรทางการทูตที่ได้รับการรับรอง เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสเปน ยกเว้นแต่กรณีสุดวิสัยจริงๆ
มาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อการสัญจรข้ามพรมแดนทั้งหมดกับฝรั่งเศส, โปรตุเกส, อันดอร์รา และยิบรอลตาร์ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังไม่มีข้อจำกัดด้านการสัญจรทางอากาศ แต่ทางรัฐมนตรีสาธารณสุขเตือนว่ามาตรการดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้หากท้ายที่สุดแล้วมีความจำเป็นจริงๆ
ไวรัสกำลังโหมกระพือแพร่ระบาดราวกับไฟป่าทั่วสเปน ส่งผลให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในยุโรป รองจากอิตาลี
ส่วนรัฐบาลเยอรมนีในวันจันทร์ (16 มี.ค.) สั่งห้ามการรวมตัวของผู้คนตามโบสถ์ต่างๆ, มัสยิด และโบสถ์ของชาวยิว พร้อมออกคำสั่งปิดห้างร้านที่ไม่จำเป็นเช่นเดียวกับสนามเด็กเล่น ในความพยายามชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์มาร์เกต, ธนาคาร, สำนักงานไปรษณีย์, ร้านขายยา, สถานีบริการน้ำมัน, ร้านทำผม, ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง และร้านซักผ้าหยอดเหรียญจะยังคงเปิดให้บริการ ส่วนร้านค้าและคาเฟ่ก็จะเปิดให้บริการต่อไปเช่นกัน แต่แค่ถึง 18.00 น.เท่านั้น ขณะที่โรมแรงต่างๆ จะได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้เปิดในจุดประสงค์ด้านการท่องเที่ยว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการเยอรมนีสั่งปิดโรงเรียน และจำกัดการเดินรถไฟขบวนท้องถิ่นเพื่อลดการเดินทาง
นอกจากนี้แล้ว นับตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป เยอรมนีจะกลับมาตรวจเข้มตามแนวชายแดนติดกับออสเตรีย, ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก และเดนมาร์ก และจะไม่ต้อนรับผู้ขับขี่เข้าเยอรมนีหากไม่มีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่พวกผู้นำในเยอรมนี เรียกร้องประชาชนอยู่แต่ในบ้าน หลังรัฐบาลใข้มาตรการเข้มข้นทั่วประเทศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจำกัดวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างรุนแรง เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นางอังเกลา แมร์เคิล นากยรัฐมนตรีเยอรมนี ยังเรียกร้องชาวเยอรมนียกเลิกแผนเดินทางไปพักผ่อนทั้งในประเทศและต่างแดน ส่วนประธานาธิบดีขอประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัย หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเยอรมนี เพิ่มเป็น 6,012 คน เสียชีวิต 13 ราย
