องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ เข้าสู่ภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) ขณะที่การแพร่กระจายของเชื้อนอกจีนแผ่นดินใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดรัฐบาลอิตาลีประกาศปิดเมืองทั้งประเทศหลังยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ขณะที่อิหร่านพบผู้ป่วยแล้วกว่า 8,000 คน ส่วนสหรัฐฯ เริ่มสั่งห้ามคนเดินทางจากยุโรปเข้าประเทศนาน 30 วัน ท่ามกลางผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แผ่ลามเป็นลูกโซ่และส่อเค้าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาเมื่อวันพุธ (11 มี.ค) ว่า “เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งทั้งในเรื่องระดับการแพร่ระบาดและความรุนแรง ตลอดจนความเฉื่อยชา เพราะฉะนั้นเราจึงประเมินว่าโควิด-19 สามารถถูกจัดให้เป็นการแพร่ระบาดใหญ่”
ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเคสใหม่ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อในต่างแดนกลับเพิ่มขึ้นถึง 13 เท่าตัวในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนประเทศที่ได้รับผลกระทบก็มากขึ้นเป็น 3 เท่า
จากข้อมูลล่าสุดของ WHO ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งสูงกว่า 118,000 คนใน 114 ประเทศ และเสียชีวิตแล้ว 4,291 คน
นายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนเต แห่งอิตาลีได้ประกาศขยายพื้นที่สีแดงให้ครอบคลุมทั้งประเทศในคืนวันจันทร์ (9 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นมาตรการควบคุมโรคระดับสูงสุดเท่าที่ประเทศตะวันตกเคยใช้มาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลต่อผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะความเสียหายต่อธุรกิจรายย่อย
โลเรนโซ โคดอนโญ อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอาวุโสของรัฐบาลอิตาลี ระบุเมื่อวันอังคาร (10) ว่า คำสั่งปิดพื้นที่ทั้งประเทศเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสอาจทำให้ผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (economic output) ของอิตาลีลดลงราว 10-15%
จากข้อมูลล่าสุดในวันพุธ (11 มี.ค.) พบว่าผู้เสียชีวิตในประเทศซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดของยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 827 คน ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มจาก 10,149 คน เป็น 12,462 คน
อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลกรองจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยอัตราการเสียชีวิตนั้นสูงถึง 5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก 3.4% ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ลักษณะทางประชากรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อิตาลีมีอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 สูงมาก โดยพบว่าอิตาลีมีสัดส่วนประชากรที่อายุเกิน 65 ปีอยู่ถึง 23% มากที่สุดในกลุ่มชาติยุโรป (ข้อมูลจากนิวยอร์กไทม์ส) ขณะที่อายุมัธยฐาน (median age) ของพลเมืองอิตาลีก็สูงถึง 47.3 ปี เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 38.3 ปีเท่านั้น
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในอิตาลีเป็นคนชราอายุระหว่าง 80-90 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้สูงอายุนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมากกว่าคนอายุน้อย
ในวันอังคาร (10) สำนักวาติกันได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปยังจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์และมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา เพื่อสกัดการแพร่กระจายของไวรัส โดยยกเว้นให้เฉพาะ “ผู้ศรัทธา” ที่มีความประสงค์จะเข้ามาสวดมนต์ภายในวิหารจริงๆ ซึ่งมาตรการนี้จะมีผลบังคับไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย.
ด้านสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงจุดประเด็นถกเถียงด้วยการเรียกร้องให้บาทหลวงออกไปเยี่ยมคนป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกฯ อิตาลีไม่สนับสนุนให้กระทำ โดยก่อนหน้านี้โป๊ปเองก็ทรงประชวรกะทันหันจนเกิดข่าวลือแพร่สะพัดว่าพระองค์อาจติดเชื้อโควิด-19 ทว่าสำนักวาติกันออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ล่าสุดมีรายงานจากแหล่งข่าวว่า ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Gucci และ Louis Vuitton เริ่มลดการสั่งซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ในอิตาลี เนื่องจากการระบาดของไวรัสส่งผลให้ ‘จีน’ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่เข้าสู่ภาวะชะงักงัน
อิหร่านเป็นอีกประเทศที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดอย่างหนัก โดยจากข้อมูลเมื่อวันอังคารท (10 มี.ค.) พบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 54 คนในรอบ 24 ชั่วโมง สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มพบการระบาด และทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มเป็น 291 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโดยรวมอยู่ที่ 8,042 ราย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่า 2,000 เคสอยู่ในกรุงเตหะราน ตามมาด้วยจังหวัดมาซานดาราน (Mazandaran) ทางภาคเหนือของประเทศซึ่งพบผู้ติดเชื้อแล้ว 886 คน ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ เมืองกอม (Qom) นครศักดิ์สิทธิ์ของชาวชีอะห์ทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน และเป็นพื้นที่ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 751 คน
ในบรรดาผู้เสียชีวิตของอิหร่านนั้นยังรวมถึงนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายคน ทว่ารัฐบาลยังไม่ได้กำหนดมาตรการกักกันอย่างเป็นทางการ เพียงแต่เรียกร้องให้ประชาชนงดการเดินทาง และหันไปใช้วิธีปิดโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อยับยั้งการเดินทางแทน
อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อนุมัติตามคำแนะนำของรัฐมนตรีสาธารณสุขให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้รับยกย่องเป็น “ผู้สละชีพ” (martyrs) ซึ่งจะมีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน และผลประโยชน์อื่นๆ จากภาครัฐ
รัฐบาลอิหร่านยังมีมาตรการปล่อยตัวนักโทษ 70,000 คนชั่วคราวเพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสภายในเรือนจำ ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติออกมาวิจารณ์ว่าเป็นการตอบสนองที่ “ล่าช้าและเล็กน้อยเกินไป”
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถือโอกาสนี้เรียกร้องให้เตหะรานปล่อยตัวพลเมืองอเมริกันที่ถูกกักขัง โดยขู่สำทับว่าอิหร่านจะต้องรับผิดชอบอย่างสาสมหากมีชาวอเมริกันเสียชีวิต
อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดในสหรัฐฯ เองก็จัดว่าน่ากังวล และมีแนวโน้มจะกลายเป็น "ฮอตสป็อต" แห่งใหม่ หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,000 คนในสัปดาห์นี้ และแม้แต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็พลอยตกอยู่ในข่ายเสี่ยง หลังไปคลุกคลีตีโมงกับ ส.ส.รีพับลิกัน 2 คนที่ประกาศกักกันตัวเองเนื่องจากเคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อไวรัสในการประชุมแห่งหนึ่ง
ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร (10) ว่าตนเต็มใจที่จะไปตรวจคัดกรองโควิด-19 แต่ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ประจำทำเนียบขาวแล้วว่า “ไม่จำเป็น” พร้อมย้ำว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีอาการป่วยใดๆ
ทรัมป์ ออกมาปฏิเสธความกังวลเรื่องไวรัสในช่วงแรกๆ และอ้างว่ารัฐบาลคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด แต่แล้วยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกากลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความล่าช้าในการคัดกรองพลเมืองกลุ่มเสี่ยง โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) ยืนยันเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่าเพิ่งจะมีชาวอเมริกันผ่านการตรวจคัดกรองไวรัสไปแค่ 1,583 คน และนั่นทำให้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสถานการณ์การระบาดที่แท้จริงในสหรัฐฯ อาจรุนแรงยิ่งกว่าตัวเลขที่ทางการประกาศ
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันจันทร์ (9) ว่าจะออกมาตรการครั้งสำคัญเพื่อค้ำยันเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่สภาคองเกรสก็ได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉิน 8,300 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการต่อสู้เชื้อไวรัสไปแล้วก่อนหน้า
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งระบุว่า ทรัมป์ ได้ประชุมกับแกนนำของพรรครีพับลิกันเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินเดือนสู่ระดับ 0% จนถึงสิ้นปีนี้ แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลขาดรายได้ในการสนับสนุนโครงการประกันสุขภาพและสวัสดิการสังคมของชาวอเมริกัน
ทำเนียบขาวยังพิจารณาแผนการให้ความช่วยเหลือต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในขณะนี้ ท่ามกลางการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ทว่าการหารือก็สิ้นสุดลงโดยยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ได้ออกประกาศห้ามผู้เดินทางจากยุโรปเข้าประเทศเป็นเวลา 30 วัน โดยมีผลบังคับตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. ยกเว้นเฉพาะผู้ที่มาจากสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังแถลงมาตรการหลายอย่างเพื่อลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการคลังซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งรูดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น สั่งให้กระทรวงการคลังชะลอการเก็บภาษีภาคธุรกิจและบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเตรียมมอบความช่วยเหลือด้านการเงินให้แก่แรงงานที่เจ็บป่วย ถูกกักกันโรค หรือจำเป็นต้องดูแลผู้ป่วยไวรัส นอกจากนี้ยังสั่งให้องค์กรบริหารธุรกิจขนาดย่อมในสหรัฐฯ (Small Business Administration) อุดหนุนเงินทุนและสภาพคล่องให้แก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์กประกาศงดให้ประชาชนทั่วไปเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันอังคาร (10) เพื่อป้องกันไวรัส ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งของอเมริกาเริ่มยกเลิกคลาสเรียน และหันไปจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์
การระบาดของไวรัสยังส่งผลกระทบถึงเกมกีฬาในสหรัฐฯ โดยล่าสุดสมาคมบาสเก็ตบอลแห่งชาติ (NBA) ได้ประกาศระงับฤดูกาลแข่งขันปัจจุบัน หลังจากที่ รูดี โกแบร์ นักบาสฯ NBA จากทีมยูทาห์แจ๊ส ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ทางการแคลิฟอร์เนียอนุญาตให้เรือสำราญแกรนด์ปรินเซสซึ่งมีผู้โดยสารและลูกเรือติดเชื้อโควิด-19 เข้าจอดเทียบท่าชั่วคราวที่เมืองโอ๊คแลนด์ริมอ่าวซานฟรานซิสโก เพื่อทำการอพยพผู้โดยสารราว 2,400 คนไปยังสถานกักกันโรคหรือโรงพยาบาล ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายวัน
เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน สั่งห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเกินกว่า 250 คนในเขตซีแอตเติลซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดที่พบผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 37 ราย นอกจากนี้ยังเตือนว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในรัฐแห่งนี้อาจพุ่งสูงถึง 64,000 คนภายใน 8 สัปดาห์ หากไม่มีมาตรการป้องกันอย่างจริงจัง
ท่ามกลางความหวาดวิตกที่ปกคลุมทั่วโลก จีนซึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดกลับมีสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ และรัฐบาลประกาศว่าโดยพื้นฐานสามารถควบคุมไวรัสได้แล้ว แม้จะยังครองสถิติสูงสุดทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตคือกว่า 80,000 คน และ 3,000 คนตามลำดับ