รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - วอลล์สตรีทปิดลบหนักในวันพุธ (11 มี.ค.) โดยดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 1,300 จุด หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ ส่วนน้ำมันดิ่งลงราว 1.5 ดอลลาร์ ถูกซ้ำเติมจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ขณะที่ทองคำดิ่งแรง
ดาวโจนส์ ลดลง 1464.94 จุด (5.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,553.22 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 140.85 จุด (4.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,741.38 จุด แนสแดค ลดลง 392.20 จุด (4.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,952.05 จุด
หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุด หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ดาวโจนส์กลับมาปิดลบหนักอีกครั้ง ถูกฉุดจากความเคลื่อนไหวขององค์การอนามัยโลกที่ประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นการระบาดใหญ่ หลังจากมันลุกลามไปทั่วโลก
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงกับผู้สื่อข่าวในเจนีวาเมื่อวันพุธ (11 มี.ค.) “เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อทั้งระดับการแพร่ระบาดและระดับความรุนแรง และกังวลต่อระดับความเฉื่อยชา เพราะฉะนั้นเราจึงประเมินว่าโควิด-19 สามารถเป็นถูกจัดในฐานะการระบาดใหญ่”
ขณะเดียวกัน ตลาดยังถูกซ้ำเติมจากความไม่มั่นใจต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประชุมกับแกนนำของพรรครีพับลิกันเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินเดือนสู่ระดับ 0% จนถึงสิ้นปีนี้ แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลขาดรายได้ในการสนับสนุนโครงการประกันสุขภาพ และสวัสดิการสังคมของชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังพิจารณาแผนการให้ความช่วยเหลือต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในขณะนี้ ท่ามกลางการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
อย่างไรก็ดี การหารือระหว่าง ทรัมป์ และแกนนำของพรรครีพับลิกันสิ้นสุดลงโดยไม่ได้ข้อสรุปใดๆ
การหารือที่ไร้ข้อสรุปนี้ ฉุดราคาทองคำในวันพุธ (11 มี.ค.) ขยับลงหนัก นักลงทุนเฝ้ารอรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของบรรดาสภาคองเกรสที่จะช่วยจำกัดความเจ็บปวดจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 18 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,642.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านราคาน้ำมันในวันพุธ (11 มี.ค.) ปิดลบหนัก ถูกฉุดจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 7 สัปดาห์ติด และความเคลื่อนไหวเพิ่มกำลังผลิตของซาอุดีอาระเบีย ยกระดับทำสงครามราคากับรัสเซีย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 32.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.43 ดอลลาร์ หรือ 3.80% ปิดที่ 35.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันพุธ (11 มี.ค.) พบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มีนาคม เพิ่มขึ้นถึง 7.7 ล้านบาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้นมา 6 สัปดาห์ติด บ่งชี้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบีย ยักษ์ใหญ่ของโอเปกกับพันธมิตรสำคัญอย่าง รัสเซีย โดยล่าสุดหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ริยาดเปิดตัวแผนเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
สงครามราคาระหว่างริยาด กับ มอสโก มีขึ้นหลังจากรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอของโอเปกที่ต้องการให้ลดกำลังผลิตเพิ่มเติม ระหว่างการเจรจาในกรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ (6 มี.ค) นั่นหมายความว่าเมื่อข้อตกลงลดกำลังผลิตในปัจจบันหมดอายุลงในเดือนมีนาคม สมาชิกโอเปกและอดีตพันธมิตรของพวกเขาสามารถผลิตน้ำม้นได้อย่างอิสระ