รอยเตอร์ - ห้างค้าปลีกในออสเตรเลียเริ่มวางมาตรการจำกัดโควตาซื้อกระดาษชำระในวันนี้ (4 มี.ค.) หลังมีประชาชนจำนวนมากแห่ซื้อไปกักตุนพร้อมกับของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ จนทำให้สินค้าหมดเกลี้ยงชั้นวาง เนื่องจากความตื่นกลัวไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ ที่เวลานี้พบการแพร่เชื้อในประเทศเป็นรายที่ 3 แล้ว
ออสเตรเลียถือเป็นประเทศแรกๆ ที่เริ่มคุมเข้มพรมแดนจะจำกัดผู้เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อ 1 เดือนที่แล้ว
จนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียรวมทั้งสิ้น 42 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารที่ได้รับการอพยพลงจากเรือสำราญไดมอนด์ปรินเซสที่ถูกกักโรคในญี่ปุ่น และมีเพียง 3 กรณีเท่านั้นที่ผู้ป่วยติดเชื้อทั้งที่ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ดี ชาวออสซี่จำนวนมากยังคงวิตกกังวลและแห่กว้านซื้อสินค้าที่จำเป็นมากักตุนไว้ก่อน เช่น ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยต่างๆ รวมถึงข้าวสารและไข่
กระดาษชำระกลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าหายากจนชาวเน็ตแดนจิงโจ้พากันติดแฮชแท็ก #toiletpapergate และ #toiletpapercrisis พร้อมกับโพสต์ภาพคนที่แห่ซื้อของ จนทางการต้องออกมาเรียกร้องให้สังคมอย่าเพิ่งตื่นตระหนกเกินไป
“เราพยายามชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่า การกว้านซื้อกระดาษชำระจนเกลี้ยงซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ” เบรนดัน เมอร์ฟีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลียแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ (4)
บริษัท วูลส์เวิร์ธ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเครือซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียเริ่มจำกัดให้ลูกค้า 1 รายซื้อกระดาษชำระได้ไม่เกิน 4 ห่อ ส่วน คอสต์โก โฮลเซล คอร์ป อนุญาตให้ซื้อได้คนละไม่เกิน 1 ห่อ ระหว่างที่ซัพพลายเออร์กำลังเร่งผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
ตำรวจออสเตรเลียยังได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในนครซิดนีย์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดกั้นชั้นวางกระดาษชำระทั้งหมดเพื่อระงับเหตุ
ในส่วนของห้างคอสต์โกยังจำกัดการซื้อสินค้าประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น นม, ไข่, ข้าว, สบู่ และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อต่างๆ
ทางการออสซี่ยืนยันพบหญิงวัย 50 ปีติดเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้ป่วยรายที่ 3 ที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ สร้างความหวาดกลัวว่าไวรัสอาจแพร่กระจายในชุมชนเร็วกว่าที่คิด
ออสเตรเลียไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่เคยเยือนจีนหลังวันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นมาเดินทางเข้าประเทศ และสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ขยายคำสั่งให้ครอบคลุมถึง “อิหร่าน” ด้วย แต่ก็ยอมรับว่ามาตรการเหล่านี้อาจไม่สามารถสกัดกั้นผู้ติดเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์