เอเจนซีส์ - ไอเอ็มเอฟเตือนการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกในปีนี้ แต่อาจฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหากควบคุมการระบาดได้ไว ขณะที่จีนประกาศลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ด้านสิงคโปร์เตือนมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่แสดงความกังวลหลังจากรายงานว่าจีดีพีไตรมาสที่ผ่านมา ก็ดิ่งแรงสุดในรอบกว่า 5 ปีอยู่แล้ว
คริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในงานประชุมโกลบัล วีเมนส์ ฟอรัมที่ดูไบเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) โดยแสดงความหวังว่า อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ อาจลดลงเพียง 0.1-0.2% แต่สำทับว่า ผลกระทบทั้งหมดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” จะขึ้นอยู่กับว่า สามารถควบคุมการระบาดได้เร็วแค่ไหน โดยหากควบคุมได้อย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจก็อาจดิ่งแรงและฟื้นตัวไวมากในลักษณะกราฟรูปตัว V
ก่อนหน้านี้ ในการปรับปรุงข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกล่าสุดที่จัดทำขึ้นในเดือนมกราคม ไอเอ็มเอฟได้ลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกประจำปีนี้ลง 0.1% อยู่ที่ 3.3% เทียบกับอัตราเติบโตปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 2.9% อันถือเป็นสถิติต่ำสุดในรอบทศวรรษ
จอร์จีวาเสริมว่า แม้ยังเร็วเกินไปในการประเมินผลกระทบทั้งหมดของไวรัสโคโรนา แต่ยอมรับว่า ขณะนี้มีหลายอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบแล้ว เช่น การท่องเที่ยวและการขนส่ง
หากเทียบกับผลกระทบจากโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ในปี 2002-2003 จอร์จีวากล่าวว่า ตอนนั้นเศรษฐกิจจีนยังคิดเป็นสัดส่วนแค่ 8% ของเศรษฐกิจโลก แต่ตอนนี้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเป็น 19% แล้ว
นายใหญ่ไอเอ็มเอฟสำทับว่า จีนพยายามอย่างมากในการควบคุมการระบาด รวมทั้งอัดฉีดสภาพคล่องมูลค่าถึง 115,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อว่า จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ กระนั้น โลกยังต้องจับตาการเติบโตชะลอตัวจากความไม่แน่นอนอื่นๆ ด้วย
ปัจจุบัน โรงงาน0eo;oมากมายทั่วแดนมังกรยังคงปิดต่อเนื่องมาจากช่วงวันหยุดตรุษจีนปลายเดือนที่แล้ว ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกหยุดชะงัก และเพิ่มความกดดันต่อเศรษฐกิจจีน
ในวันจันทร์ (17) ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยกู้ยืมระยะกลาง ซึ่งคาดว่า เป็นการปูทางสู่การลดดอกเบี้ยนโยบายในวันพฤหัสฯ (20) เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน (16) ปักกิ่งประกาศแผนลดภาษีและค่าธรรมเนียมแบบกำหนดเป้าหมายและขั้นตอนเพื่อแบ่งเบาปัญหาของภาคธุรกิจ
กระนั้น นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง โดยเมื่อวันจันทร์บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “มูดี้ส์” ประกาศลดการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีนประจำปีนี้ลงอยู่ที่ 5.2% เทียบกับเป้าหมาย 5.7% ที่จีนต้องการเพื่อตอบสนองแผนการเพิ่มอัตราเติบโตเป็นสองเท่าตัวภายในระยะ 10 ปีที่ถึงกำหนดในปีนี้
ในวันจันทร์ (17) เช่นกัน ทางการสิงคโปร์ปรับลดการคาดการณ์จีดีพีปีปัจจุบันลง 0.5% อยู่ที่ 1.5% ขณะที่ไวรัสโคโรนาบ่อนทำลายรายได้จากการท่องเที่ยวและการค้าของประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคภายในประเทศ
กระทรวงการค้าสิงคโปร์แถลงว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลต่อจีน สิงคโปร์ และประเทศมากมายทั่วโลก โดยในเอเชียนั้นมีแนวโน้มฉุดการเติบโตของจีนและประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ
จีนเป็นทั้งที่มาของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดและจุดหมายปลายทางการส่งออกที่สำคัญสำหรับสิงคโปร์
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง เตือนเมื่อวันศุกร์ (14) ว่า ผลกระทบจากโควิด-19 อาจรุนแรงกว่าซาร์ส เนื่องจากเศรษฐกิจเอเชียใกล้ชิดกันมากขึ้น และสำทับว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสิงคโปร์จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี ในวันอังคาร (18) สิงคโปร์จะเปิดเผยงบประมาณฉบับใหม่เพื่อรับมือผลกระทบจากไวรัส
ส่วนที่ญี่ปุ่นวันจันทร์ ทางการรายงานว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีที่แล้วหดตัวลงถึง 1.6% ยีลงาสรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 5 ปี โดยเป็นผลจากการขึ้นภาษีและพายุไต้ฝุ่นถล่มแดนอาทิตย์อุทัยในช่วงเวลาดังกล่าว
กระนั้น นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเริ่มจับตาอย่างระมัดระวังว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยขณะนี้ทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการท่องเที่ยวต่างถูกกระทบอย่างจัง
นักวิเคราะห์บางคนประเมินว่า มีความหวังน้อยมากที่ญี่ปุ่นจะฟื้นการเติบโตได้ในไตรมาสปัจจุบัน มิหนำซ้ำยังอาจติดลบต่อ ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค