รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต ส่งจดหมายแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการไปยังสหรัฐฯ ถึงการตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงการเยือนกองกำลังระดับทวิภาคีที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อปี 1998 อนุญาตให้สหรัฐฯเข้ามาผลัดเปลี่ยนกองกำลังในประเทศเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการซ้อมรบ เป็นการตัดสินใจเกิดขึ้นหลังผ.บระดับสูงด้านสงครามยาเสพติดฟิลิปปินส์ถูกยกเลิกวีซ่าเข้าสหรัฐฯ และในแถลงการณ์ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้(10) ดูเตอร์เตยังชี้ว่า สหรัฐฯได้แอบเก็บซ่อนอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากไว้ในประเทศ
รอยเตอร์รายงานวันนี้(11 ก.พ)ว่า เป็นครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ของโรดริโก ดูเตอร์เต ที่ได้ยกเลิกข้อตกลงกับสหรัฐฯซึ่งลงนาวร่วมกันมาตั้งแต่ปี 1988 ที่อนุญาตให้สถานภาพทางกฎหมายแก่กองกำลังสหรัฐฯสามารถเข้ามาผลัดเปลี่ยนกองกำลังในประเทศเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการซ้อมรบ เป็นข้อตกลงการเยือนกองกำลังVFA (Visiting Forces Agreement)
โดยเจ้าหน้าที่แถลงวันอังคาร(11)ว่า ทางฟิลิปปินส์ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ หลังจากข่มขู่จะลดระดับความสัมพันธ์ทางการทหารกับสหรัฐฯมาอย่างต่อเนื่อง
รอยเตอร์ชี้ว่า ดูเตอร์เตที่ไม่เคยปิดบังถึงความเป็นอริกับวอชิงตันและแสดงความไม่เห็นด้วยต่อความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางการทหารระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ โดยเขาเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะมีความเป็นอิสระมากขึ้นทางการทหาร โฆษกประธานาธิบดีดูเตอร์เตแถลง
“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง เราจะทำให้การปกป้องประเทศมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและไม่จำเป็นต้องพึ่งประเทศใด” ซัลวาดอร์ ปาเนโล(Salvador Panelo) กล่าวในการแถลงสรุปประจำวันโดยอ้างอิงไปถึงคำพูดของดูเตอร์เต
และเขากล่าวว่าทางมะนิลาสามารถทำสัญญาที่คล้ายกับสัญญา VFA ของสหรัฐฯกับประเทศอื่นตราบเท่าที่ "มีประโยชน์ให้กับทางเราและเป็นประโยชน์ร่วมต่อ 2 ประเทศ ทางเราเปิดกว้าง" NPR สื่อสหรัฐฯรายงาน
ความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมเก่าย้อนไปไกลนับตั้งแต่ช่วงยุค 50 ซึ่งถูกควบคุมโดยสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (Mutual Defence Treaty) ที่ยังคงใช้มาถึงปัจจุบันนี้ และได้ทำให้ความกระชับในความสัมพันธ์มากขึ้นด้วยข้อตกลงความร่วมเสริมสร้างทางการทหาร(Enhanced Defence Cooperation Agreement)ภายใต้รัฐบาลบารัค โอบามาของสหรัฐฯ
ดูเตอร์เตตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงให้สหรัฐฯเข้าใช้ฐานทัพในฟิลิปปินส์หลังจากผู้บัญชาการด้านการปราบปรามยาเสพติดของเขา อดีตหัวหน้าตำรวจฟิลิปปินส์ ส.ว โรนัลด์ เดลา โรซา(Ronald dela Rosa)ได้ออกมาชี้ว่า “วีซ่าเข้าสหรัฐฯของเขาถูกยกเลิก”เนื่องมาจากประเด็นการขังคุกส.วและกลุ่มนักวิจารณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับดูเตอร์เต
โดย NPR สื่อสหรัฐฯรายงานในรายละเอียดว่า มีความโกรธแค้นมีขึ้นหลังจากมีรายงานในเดือนที่ผ่านมาว่าทางวอชิงตันตัดสินใจยกเลิกวีซ่าของสว. โรนัลด์ เดลา โรซา ซึ่งเป็นผู้ควบคุมโครงการสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เตที่ถูกประณามโดยนานาชาติ ส่งผลทำให้่ดูเตอร์เตออกมายื่นคำขาดกับสหรัฐฯให้อนุญาตวีซ่าเข้าอเมริกาแก่ส.วรายนี้พร้อมกับข่มขู่ที่จะยกเลิกข้อตกลง VFA
รอยเตอร์ชี้ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ดูเตอร์เตตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯหลังจากที่เขาได้ประณามอเมริกามาอย่างยาวนานในการอยู่ในตำแหน่งนานกว่า 3 ปีโดยชี้ว่า สหรัฐฯปลิ้นปล้อนปฎิบัติกับฟิลิปปินส์เหมือนกับ “สุนัขติดเชือกจูง”
และในแถลงการณ์ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้(10) ดูเตอร์เตกล่าวว่า ***สหรัฐฯได้ซุกอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากในประเทศฟิลิปปินส์*** พร้อมยังชี้ว่า การปรากฎของกองกำลังสหรัฐฯทำให้ฟิลิปปินส์ตกเป็นเป้าโจมตี
การเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจากการพิจารณาของสภาสูงฟิลลิปปินส์สัปดาห์ที่แล้วที่รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์และรัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ออกมาแสดงความสนับสนุนต่อข้อตกลงการเยือนกองกำลัง VFA
ดูเตอร์เตกล่าวอีกว่า ถึงแม้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้เขาเปลี่ยนใจ “ทรัมป์และคนอื่นๆพยายามที่จะรักษาข้อตกลงการเยือนกองกำลัง VFA แต่ผมกล่าวว่า “ผมไม่ต้องการ” ”
รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ทีโอโดโร ล็อกซิน (Teodoro Locsin) แถลงยืนยันทางทวิตเตอร์ว่า สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงมะนิลาได้รับหนังสือแจ้งเตือนแล้ว การยกเลิกจะมีผลภายใน 180 วันหลังคู่เจรจาได้ส่งแจ้งเตือน
NPR รายงานว่าวอชิงตันมีเวลา 180 วันในการตอบหนังสือแจ้งเตือนยกเลิก
ด้านสถานทูตสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้(11) เตือนว่าการเคลื่อนไหวครั้งร้ายแรงของดูเตอร์เตกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคระหว่าง 2 ชาติ
รอยเตอร์รายงานว่า ดูเตอร์เตต้องการมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับจีนและรัสเซียมากกว่าสหรัฐฯ และได้แสดงการชื่นชมประเทศทั้งสองรวมไปถึงการช่วยเหลือทางการทหารและการบริจาคอย่างไม่อั้น ที่ถูกทำให้ลดลงในความช่วยเหลือที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯนับตั้งแต่ปี 1988
NPR รายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างปี 2016 -2019 สหรัฐฯได้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่ฟิลิปิปนส์จำนวน 550 ล้านดอลลาร์ในการซ้อมรบร่วม ซึ่งบางครั้งมีกองกำลังออสเตรเลียเข้าร่วม ที่อาจถูกมองว่าเป็นการเสมือนการส่งสัญญาณแสนยานุภาพทางการทหารต่อจีน
นอกจากนี้ทางสหรัฐฯยังได้ประจำเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษจำนวนราว 100 นายที่ฟิลิปปินส์บนเกาะมินดาเนาในการผลัดเปลี่ยนกำลังเพื่อช่วยเหลือฟิลิปิปนส์ในการสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอะบูซัยยาฟและกลุ่มก่อการร้ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม IS