รอยเตอร์ - องค์การอนามัยโลกสรุปในวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ แม้ล่าสุดทางการจีนยืนยันพบผู้เสียชีวิตนอกพื้นที่ซึ่งเป็นแก่นกลางของการแพร่ระบาดเป็นรายแรกแล้ว
พวกเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขแสดงความกังวลว่าอัตราการติดเชื้ออาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากชาวจีนหลายร้อยล้านคนจะออกเดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศระหว่างวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันเสาร์นี้ (25 ม.ค.)
“มันเร็วเกินไปที่จะพิจารณาว่ามันเป็นความกังวลฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าว พร้อมระบุว่าคณะกรรมการฉุกเฉินของอนามัยโลก ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอิสระ 16 ท่าน มีความเห็นสรุปที่แตกต่างกัน
“โปรดอย่าเข้าใจผิด แม้มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในจีน แต่มันยังไม่กลายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก บางทีมันอาจกลายเป็นเช่นนั้นก็ได้” เขากล่าว พร้อมระบุว่าจีนได้ใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกก็เชื่อว่ามีความเหมาะสมแล้ว
“เราหวังว่ามันจะได้ผลและประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น สำหรับตอนนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำแนะนำเกี่ยวกับข้อจำกัดอย่างกว้างๆในด้านการเดินทางหรือการค้าใดๆ” ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกระบุ
ปีเตอร์ ไพลอต ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพโลกและผู้อำนวยการสถาบันสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน มองว่าการแพร่ระบาดกำลังอยู่ในขั้นที่สำคัญยิ่ง “เมื่อพิจารณาถึงการตัดสินใจไม่ประกาศให้มันเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ดังนั้น การยกระดับความร่วมมือในระดับสากลและการทุ่มเททรัพยากรเพิ่มเติมจะเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับหยุดยั้งการแพร่ระบาด พวกเจ้าหน้าที่ระดับชาติและองค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องเดินหน้าเฝ้าสังเกตการณ์พัฒนาการของมันอย่างใกล้ชิด”
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของจีนให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อล่าสุด โดยยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 634 ราย และทางคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีนยืนยันมีผู้เสียชีวิต 17 คนในมณฑลหูเป่ยทางภาคกลางของประเทศ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ลงมาทางใต้ไม่ไกลนักจากกรุงปักกิ่ง เปิดเผยในวันพฤหัสบดี(23ม.ค.) ว่าชายวัย 80 ปีคนหนึ่งติดเชื้อโคโรนาไวรัสเสียชีวิตในมณฑลแห่งนี้ ส่งผลให้เขากลายเป็นเหยื่อรายแรกนอกมณฑลหูเป่ยที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ไวรัสซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ทราบสายพันธุ์ ได้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วยเชื่อว่ามีต้นตอมาจากการลักลอบค้าสัตว์ป่า ณ ตลาดค้าสัตว์แห่งหนึ่งในอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย
จีนเพิ่มมาตรการเด็ดขาดในวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สั่งปิดเมืองอู่ฮั่นและหวงกั่ง ตลอดจนการคมนาคมในเมืองใกล้เคียง รวมแล้วมีประชากรพำนักอาศัยอยู่ราว 20 ล้านคน นอกจากนั้นในเมืองหลวงปักกิ่งก็งดงานฉลองตรุษจีนขนาดใหญ่ๆ และปิดพระราชวังต้องห้าม
"การปิดการเข้าออกของประชาชน 11 ล้านคนเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ด้านสาธารณสุข" กัวเดน กาเลีย ตัวแทนขององค์การอนามัยโลกในกรุงปักกิ่งระบุ
การพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก่อความกังวลอย่างมากเนื่องจากหลายสิ่งหลายอย่างของมันยังคงเป็นปริศนา และยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามันอันตรายมากน้อยแค่ไหน หรือมันสามารถแพร่กระจายระหว่างคนสู่คนได้ง่ายดายหรือไม่
ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีวัคซีนรักษาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการหายใจ ในขณะที่ผู้ติดเชื้อนั้นจะมีอาการต่างๆอย่างเช่น มีไข้, หายใจติดขัดและไอ แบบเดียวกับโรคระบบหายใจอื่นๆทั่วไป
นอกเหนือจากการจำกัดความเคลื่อนไหวแล้ว เมืองอู่ฮั่นยังมีแผนจัดตั้งโรงพยาบาลใหม่ใน 6 วัน เพื่อรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โดยเฉพาะ
เวลานี้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มลุกลามไปยังประเทศอื่นๆแล้ว โดยสิงคโปร์กับเวียดนาม เป็น 2 ชาติล่าสุดซึ่งประกาศในวันพฤหัสบดีว่าพบผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วว่าติดเชื้อไวรัสนี้ ทั้งนี้สิงคโปร์มี 1 ราย และเวียดนาม 2 ราย ส่วนก่อนหน้านั้นมีประเทศและดินแดนอื่นๆ แถลงว่าพบผู้ติดเชื้อ 8 คน ประกอบด้วยไทย 4 คน, ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอเมริกา แห่งละ 1 คน
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองให้เพิ่มความระมัดระมังระหว่างพำนักอยู่ในประเทศจีน ในขณะที่สนามบินต่างๆ ทั่วโลกพากันทยอยออกมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าจากประเทศจีน