รอยเตอร์ - เลบานอนและญี่ปุ่น มีเวลาราว 40 วันเพื่อหาข้อสรุปว่า คาร์ลอส กอส์น อดีตประธานนิสสันจะถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังญี่ปุ่นหรือจะถูกพิจารณาคดีในเลบานอน จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) หลังเขาหลบหนีออกจากแดนปลาดิบเมื่อเดือนที่แล้ว
กอส์นหลบหนีไปยังเลบานอน ประเทศที่เขาเติบโตเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม ระหว่างที่เขากำลังรอการพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง ประพฤติผิดต่อหน้าที่และนำเงินของบริษัทไปใช้อย่างไม่เหมาะสม ข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธทั้งหมด
ญี่ปุ่นและเลบานอนไม่มีข้อตกลงผู้ร้ายข้ามแดน และเลบานอนก็ไม่ค่อยส่งมอบพลเมืองของตนเองแก่ประเทศอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ทีมกฎหมายของกอส์นจึงหวังว่าจะมีการเปิดพิจารณาคดีในเลบานอน ดินแดนที่อดีตผู้บริหารอุตสาหกรรมยานยนต์รายนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และหวังใช้โอกาสนี้เคลียร์ชื่อเสียงของเขา
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ญี่ปุ่นขอความกระจ่างจากเลบานอนว่าเอกสารใดบ้างที่โตเกียวจำเป็นต้องส่งไปให้ ส่วนหนึ่งในการยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ “พวกเขากลับมาและร้องขอความชัดเจน วันนี้ เราได้ส่งเรื่องกลับไปยังญี่ปุ่น” แหล่งข่าวด้านศาลยุติธรรมเปิดเผยกับรอยเตอร์
การติดต่อสื่อสารดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าจากระเบียบข้อบังคับของอินเตอร์โพลในด้านกระบวนการทางกฎหมาย เท่ากับว่ามันเป็นการเริ่มต้นข้อบังคับหนึ่งซึ่งกำหนดไว้ว่าทั้งสองประเทศต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ภายใน 40 วัน ว่า กอส์น จะถูกนำตัวขึ้นศาลที่ประเทศไหนและอย่างไร
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกอส์นเปิดเผยว่า เวลานี้ญี่ปุ่นต้องดำเนินการส่งคำร้องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการมายังเลบานอนหรือไม่ก็ส่งแฟ้มคดีของกอส์นมายังเบรุต และยินยอมให้ดำเนินคดีเขาในเลบานอน
กอส์น ซึ่งเป็นบุคคลหลายสัญชาติ ทั้งเลบานอน, ฝรั่งเศส และบราซิล ถูกอัยการเลบานอนสอบากคำไปเมื่อช่วงต้นเดือน และทางอัยการสั่งห้ามเขาเดินทางออกนนอกประเทศ ในกระบวนการตามหมายแดงของอินเตอร์โพล
อัยการญี่ปุ่นบอกว่าพวกเขายังคงเดินหน้าหาทางนำตัวกอส์นมาดำเนินคดีในญี่ปุุ่นให้ได้
ทั้งนี้ กอส์น แถลงประณามระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมของญี่ปุ่น และเขาบอกเขาไม่มีทางเลือกอื่นยกเว้นแต่หลบหนีออกมา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องใช้ชีวิตอันอิดโรยที่เหลือในโตเกียวโดยปราศจากการพิจารณคดีที่ยุติธรรม