เอเอฟพี - รัฐบาลอังกฤษเสนอแผนเพิ่มโทษจำคุกผู้กระทำความผิดฐานก่อการร้าย และห้ามไม่ให้มีการปล่อยตัวก่อนกำหนด หลังเกิดกรณีที่นาย อุสมาน ข่าน ซึ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนทำโดยมีทัณฑ์บนออกมาก่อเหตุไล่แทงคนบนสะพานลอนดอนบริดจ์เมื่อปลายปีที่แล้ว
รัฐบาลอังกฤษประกาศวันนี้ (21 ม.ค.) ว่าจะมีการทบทวนมาตรการดูแลนักโทษคดีก่อการร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ซึ่ง ข่าน ใช้มีดไล่แทงคนตายไป 2 ศพ ก่อนจะถูกตำรวจยิงวิสามัญฯ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นราวๆ 2 สัปดาห์ก่อนที่อังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่วไป และกลายเป็นประเด็นถกเถียงทางการเมืองอย่างเข้มข้น เนื่องจาก ข่าน นั้นเคยต้องโทษจำคุกคดีก่อการร้ายมาแล้ว แต่กลับได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด
แนวทางปฏิรูปที่รัฐบาลอังกฤษเสนอนั้นกำหนดให้เพิ่มโทษจำคุกเป็นอย่างน้อย 14 ปีสำหรับผู้ก่อคดีอุกฉกรรจ์ เช่น เตรียมการก่อการร้ายหรือบงการก่อการร้าย เป็นต้น ทั้งยังให้บุคคลอันตรายเหล่านี้ต้องติดคุกเต็มเวลาโดยไม่มีสิทธิ์ขอทำทัณฑ์บน รวมถึงแก้ไขระบบการขึ้นทะเบียนผู้ก่อการร้าย
“เหตุโจมตีที่ไร้จิตสำนึกเมื่อเดือน พ.ย. ทำให้เราต้องหันหน้ามาเผชิญความจริงที่ยากลำบากเกี่ยวกับวิธีจัดการนักโทษคดีก่อการร้าย” ปรีติ ปาเทล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ระบุ
“วันนี้เราจะให้เครื่องมือที่จำเป็นแก่ตำรวจและเจ้าหน้าที่คุมประพฤติในการตรวจสอบและติดตามผู้กระทำความผิด เพิ่มโทษจำคุกให้หนักขึ้น และพิจารณาทบทวนครั้งใหญ่ว่าจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรหลังจากที่ปล่อยตัวพวกเขาแล้ว”
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ โจนาธาน ฮอลล์ ผู้ตรวจสอบอิสระด้านกฎหมายก่อการร้าย รับหน้าที่กำกับดูแลการทบทวนอย่างกว้างขวางครอบคลุมต่อระบบจัดการผู้ก่อการร้ายของหน่วยงานต่างๆ
รัฐบาลลอนดอนยังเตรียมเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการนักโทษคดีก่อการร้ายให้มากขึ้นเป็น 2 เท่า และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น เครื่องจับเท็จ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะเพิ่มจำนวนที่พักอาศัยระหว่างคุมประพฤติ (probation hostels) เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ก่อการร้ายได้อย่างใกล้ชิด หลังจากที่พวกเขาได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือเหยื่อก่อการร้าย รัฐบาลอังกฤษเตรียมจัดสรรงบประมาณ 500,000 ปอนด์ “เพื่อรับรองว่าเหยื่อจะได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำที่จำเป็นอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” และจะเพิ่มงบอุดหนุนตำรวจต่อต้านก่อการร้ายขึ้นอีก 90 ล้านปอนด์ รวมเป็น 906 ล้านปอนด์ ในปีงบประมาณที่จะถึงนี้