เอเอฟพี – ทหารรัฐบาลเยเมนอย่างน้อย 70นายถูกสังหาร เมื่อถูกโจมตีด้วยจรวดและโดรนซึ่งทางการประณามว่าเป็นฝีมือของพวกกบฏฮูตี ในบริเวณมัสยิดแห่งหนึ่งที่จังหวัดมาริบ ซึ่งอยู่ทางภาคกลางของประเทศ แหล่งข่าวหลายรายในวงการแพทย์และทหารเปิดเผยวันอาทิตย์ (19 ม.ค.)
การโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (18) คราวนี้ ตามหลังระยะเวลาหลายเดือนที่ค่อนข้างเงียบสงบในสงครามต่อสู้กันระหว่างพวกกบฎฮูตีที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ กับรัฐบาลซึ่งนานาชาติให้การรับรองของเยเมน และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรทางทหารนำโดยซาอุดีอาระเบีย
แหล่งข่าวฝ่ายทหารหลายรายบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า พวกฮูตีเข้าโจมตีมัสยิดแห่งหนึ่งในค่ายทหารที่เมืองมาริบ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงซานาไปทางตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตร ในช่วงที่กำลังมีการละหมาดตอนค่ำ
ขณะที่แหล่งข่าวด้านการแพทย์รายหนึ่งที่โรงพยาบาลในเมืองมาริบ ซึ่งผู้บาดเจ็บถูกเคลื่อนย้ายไปรักษาที่นั่น เล่าว่ามีทหารอย่างน้อยที่สุด 70 คนถูกสังหาร และอีกกว่า 70 คนได้รับบาดเจ็บ
การโจมตีคราวนี้เกิดขึ้น 1 วันหลังจากกองกำลังอาวุธฝ่ายรัฐบาลซึ่งหนุนหลังโดยกลุ่มพันธมิตร ได้เปิดยุทธการขนาดใหญ่เพื่อปราบปรามพวกฮูตีที่อยู่ในพื้นที่เขตนาฮาม ทางตอนเหนือของกรุงซานา
การสู้รบในนาฮามยังคงดำเนินอยู่เมื่อวันอาทิตย์ (19) แหล่งข่าวทางทหารรายหนึ่งเผย ทั้งนี้ตามข่าวของสำนักข่าวซาบา ของทางการเยเมน โดยที่แหล่งข่าวรายนี้บอกอีกว่า มีสมาชิกกองกำลังอาวุธท้องถิ่นของพวกฮูตีถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนหลายสิบคน
ทางด้านประธานาธิบดี อะเบดะรับโบ มันซูร์ ฮาดี ของเยเมน ได้แถลงประณาม “พวกขี้ขลาดตาขาวและพวกผู้ก่อการร้าย” ที่เข้าโจมตีมัสยิดเมืองมาริบ สำนักข่าวซาบารายงาน
“การกระทำอันน่าอับอายของพวกกองกำลังอาวุธท้องถิ่นฮูตีเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการยืนยันให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้มีความปรารถนาที่จะบรรลุสันติภาพ เพราะพวกเขาไม่รู้จักอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากความตายและการทำลายล้าง และการเป็นเครื่องมือราคาถูกของอิหร่านในภูมิภาคนี้” ซาบาอ้างอิงคำพูดของฮาดี
ทางฝ่ายฮูตียังไม่ได้มีการประกาศอ้างความรับผิดชอบการโจมตีคราวนี้ ขณะที่รายงานของซาบานั้นไม่ได้ให้ตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิต
ความรุนแรงที่กลับปะทุขึ้นอีกเช่นนี้ มีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากผู้แทนของสหประชาชาติ มาร์ติน กริฟฟิธส์ เพิ่งแสดงความยินดีที่ทั้งการโจมตีกันทางอากาศและการเคลื่อนไหวของกองกำลังภาคพื้นดินฝ่ายต่างๆ ได้ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก
แต่เขาก็เตือนระหว่างการบรรยายสรุปต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (16) ที่ผ่านมาด้วยว่า การลดความเคลื่อนไหวทางทหารลงเช่นนี้จะไม่สามารถยืนยาวได้ หากทั้งสองฝ่ายยังคงปราศจากความคืบหน้าทางการเมือง
ทั้งนี้ 1 ปีหลังจากฝ่ายต่างๆ ที่สู้รบกันในเยเมนได้ตกลงหยุดยิงกันในเมืองโฮเดดา ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญริมทะเลแดง ตลอดจนบริเวณที่อยู่รอบๆ โดยที่มียูเอ็นเป็นคนกลาง การสู้รบในจังหวัดนั้นก็ได้ผ่อนเบาลงไป ทว่ากระบวนการปฏิบัติให้เป็นไปตามตามข้อตกลงนี้ยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งเป็นการทำลายความหวังของฝ่ายต่างๆ ที่อยากจะเห็นสงครามการสู้รบคราวนี้ซึ่งดำเนินมาแรมปีแล้วสิ้นสุดลงเสียที
สงครามคราวนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นหมื่นๆ คนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่อีกหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นที่อยู่เมื่อการสู้รบแผ่ลามและสร้างความทุกข์ยากอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะภาวะอดอยากขาดแคลนอาหาร จนจุดชนวนให้สหประชาชาติเตือนภัยในปีที่แล้วว่า กำลังเกิดวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก