เอเจนซีส์ – ผู้ออกเสียงชาวไต้หวันเลือกประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ให้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สอง ด้วยชัยชนะอย่างขาดลอยเมื่อวันเสาร์ (11ส.ค.) นับเป็นการตำหนิท้าทายอย่างโจ่งแจ้งต่อปักกิ่ง ซึ่งอาจเป็นเชื้อเพลิงกระพือความตึงเครียดที่มีอยู่กับจีน ผู้พยายามใช้ทั้งการข่มขู่ทางทหารและการล่อใจทางเศรษฐกิจให้ไต้หวันยอมรับการปกครองของตน
ไช่ ซึ่งปัจจุบันอายุ 63 ปี ได้รับการต้อนรับอย่างปลื้มปีติจากพวกผู้สนับสนุนจำนวนหลายพันคนที่พากันโบกธงอยู่ด้านนอกที่ทำการพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ของเธอ และแสดงความชื่นชมกับผลการเลือกตั้ง
“วันนี้เราได้พิทักษ์ปกป้องระบอบประชาธิปไตยของเราและเสรีภาพของเรา วันพรุ่งนี้ขอให้เรายืนหยัดสามัคคีกันเพื่อเอาชนะความท้าทายและความยากลำบากทั้งหลายทั้งปวง” เธอกล่าวกับฝูงชนซึ่งส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น
จากผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ไช่ได้รับเสียงจากผู้ออกมาโหวต 8.2 ล้านคะแนนซึ่งสูงเป็นสถิติใหม่ คิดเป็นอัตราส่วนจะเท่ากับ 57% มากกว่าชัยชนะของเธอในการเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อปี 2016 ถึง 1.3 ล้านคะแนน
ทางด้านคู่แข่งสำคัญที่สุดของเธอ คือ หัน กว๋ออี๋ว์ ผู้สมัครจากพรรคก๊กมินตั๋งฝ่ายค้าน ซึ่งประกาศนโยบายเป็นมิตรกับจีนนั้น ได้คะแนนเสียงไปเพียง 39% และได้ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว
ทั้งนี้ ไช่มีคะแนนทิ้งขาด หัน ถึงกว่า 2.6 ล้านคะแนน ขณะที่การเลือกตั้งรัฐสภาซึ่งจัดขึ้นพร้อมกัน พรรคดีพีพีของ ไช่ ก็มีชัยสามารถครองเสียงข้างมาก
กระแสความไม่สงบต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจีน ได้กลายเป็นเวทีศูนย์กลางในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ โดยที่ ไช่ เชิดชูไต้หวันว่าเป็นแสงประทีปแห่งความหวังสำหรับพวกผู้ประท้วงในอดีตอาณานิคมของอังกฤษแห่งนั้น รวมทั้งเธอยังปฏิเสธข้อเสนอของปักกิ่งที่จะให้ไต้หวันกลับมารวมชาติกับจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยโมเดล “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
จีนถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนที่จะต้องนำกลับมารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแผ่นดินใหญ่ โดยพร้อมใช้กำลังถ้าจำเป็น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพิ่งกล่าวย้ำเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อ 1 ปีก่อน ขณะที่กล่าวว่าเขาชื่นชอบวิธีแก้ปัญหาอย่างสันติมากกว่า
โมเดล “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งให้อำนาจการปกครองตนเองในระดับสูง ใกล้เคียงกับที่ปักกิ่งใช้อยู่ในฮ่องกงนั้น ไม่เคยเป็นที่นิยมในไต้หวันเลย และยิ่งเป็นที่ชื่นชมน้อยลงไปอีกภายหลังการประท้วงที่ยืดเยื้อมาราวครึ่งปีแล้วในฮ่องกง
จีนยิ่งทำให้ตนเองเป็นที่นิยมลดน้อยลงไปอีกในไต้หวันในช่วงใกล้ๆ การเลือกตั้งคราวนี้ ด้วยการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ที่สุดของตนแล่นผ่านช่องแคบไต้หวันซึ่งกั้นระหว่างเกาะไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่จีน 2 ครั้ง ทำให้ไทเปประณามว่าเป็นความพยายามที่จะข่มขู่ด้วยกำลังทหาร
“เราหวังว่าทางการปักกิ่งจะสามารถเข้าใจว่า ไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตยโดยมีรัฐบาลที่เลือกโดยประชาชนนั้น จะไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้แก่การข่มขู่คุกคาม” ไช่ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
ปักกิ่งจำเป็นจะต้องเข้าใจความปรารถนาของประชาชนไต้หวัน และมีแต่ประชาชนไต้หวันเท่านั้นจึงจะสามารถตัดสินอนาคตของตนได้ เธอกล่าวต่อ พร้อมกับย้ำว่าเธอคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
ทางด้านสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน ออกคำแถลงซึ่งเผยแพร่ทางสื่อของทางการ กล่าวย้ำยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นที่จะใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” และการคัดค้านความพยายามของพวกนักแยกตัวไต้หวันที่จะประกาศเอกราชไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตามที
ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้หนุนหลังไต้หวันอย่างแข็งแรงที่สุดในระดับนานาชาติ และเป็นผู้ขายอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้เกาะแห่งนี้ ถึงแม้ต้องตัดสัมพันธ์กับไต้หวันหันไปรับรองสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งต้องยอมรับว่าจีนมีเพียงจีนเดียวก็ตาม ได้รีบแสดงความยินดีกับไช่ โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ เรียกไต้หวันว่า เป็น “พลังสำหรับความดีงามในโลก”
“สหรัฐฯขอบคุณประธานาธิบดีไช่ สำหรับความเป็นผู้นำของเธอในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนอันแข็งแรงกับสหรัฐฯ และยกย่องชมเชยเธอสำหรับความมุ่งมุ่งที่จะธำรงเสถียรภาพข้ามช่องแคบในขณะที่ต้องเผชิญกับแรงบีบคั้นอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ” พอมเพโอกล่าวในคำแถลง