เอเอฟพี/รอยเตอร์ - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะลงมติในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในมติหนึ่งเกี่ยวกับอำนาจในการทำสงคราม โดยมีเป้าหมายจำกัดอำนาจใช้ปฏิบัติการทางทหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากก่อนหน้านี้เขาเพิ่งออกคำสั่งสังหารนายพลระดับสูงรายหนึ่งของอิหร่านโดยไม่ปรึกษาสภาคองเกรส
แนนซี เปโลซี ประธานสภาผ้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากเดโมแครต แถลงแผนยื่นและลงมติญัตติจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการใช้ปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน ในหนังสือที่ส่งถึงสมาชิกสภาเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ (5 ม.ค.)
เปโลซีกล่าวว่า มาตรการยั่วยุของรัฐบาล ปธน.ทรัมป์ได้ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐ, นักการทูต และชาวอเมริกันตกอยู่ในอันตราย ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับอิหร่าน
“ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาคองเกรส ความรับผิดชอบอย่างแรกของเราคือการทำให้ชาวอเมริกันมีความปลอดภัย และเนื่องจากสาเหตุนี้เราจึงมีความกังวลต่อการดำเนินการของรัฐบาลโดยไม่มีการปรึกษาหารือกับสภาคองเกรส และไม่มีความเคารพต่ออำนาจในการประกาศสงครามของสภาคองเกรสตามที่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ” นางเปโลซีกล่าว
ญัตติดังกล่าวมีแนวโน้มผ่านความเห็นชอบในสภาล่าง แต่ยังไม่แน่ว่าจะได้รับการรับรองจากสภาสูงหรือไม่ เนื่องจากสมาชิกรีพับลิกันจำนวนมากสนับสนุนการดำเนินการของทรัมป์ต่ออิหร่าน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ออกคำสั่งโจมตีสังหาร พลเอก กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน หนึ่งในผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของอิหร่าน และปลิดชีพเขาด้วยโดรนในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรักในวันศุกร์ (3 ม.ค.)
พวกเดโมแครตโวยวายว่าทรัมป์ลงมือปฏิบัติการโดยไม่ยอมปรึกษาหารือกับกลุ่มสมาชิกในคองเกรสที่เรียกกันว่าท็อป 8 เสียก่อน ในนั้นรวมถึง เปโลซี และยืนกรานว่ามีเพียงสภาคองเกรสเท่านั้นที่มีอำนาจในการประกาศสงคราม
อิหร่านประกาศแก้แค้นให้โซไลมานี ขณะที่ทรัมป์ขยายสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยการตอบโต้ด้วยโวหารแข็งกร้าว พร้อมตอกกลับพวกเดโมแครต ว่าเขาไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากคองเกรสสำหรับปฏิบัติการทางทหารใดๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และสำทับว่าถ้าตัดสินใจจะโจมตีอิหร่านอีก จะแจ้งล่วงหน้าทางทวิตเตอร์
นอกจากนี้แล้ว ในวันจันทร์ (6 ม.ค.) ทรัมป์ยังได้ออกมาย้ำถึงจุดยืนของเขาในประเด็นอิหร่าน โดยยืนกรานว่าจะไม่ยอมให้เตหะรานได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อย่างแน่นอน "อิหร่านจะไม่มีวันได้มีอาวุธนิวเคลียร์!" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์
ข้อความบนทวิตเตอร์ของทรัมป์มีขึ้น 1 วันหลังจากเตหะรานประกาศว่าจะลดระดับปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆของข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างพวกเขากับเล่าชาติมหาอำนาจ โดยข้อตกลงนี้มีเป้าหมายเพื่อรับประกันว่าเตหะรานจะไม่ลอบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ โดยใช้อุตสาหกรรมนิวเคลียร์พลเรือนเป็นฉากบังหน้า
อย่างไรก็ตาม เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาว กลับแสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไป โดยอ้างว่าทรัมป์มีความเชื่อว่าจะสามารถเจรจาใหม่ในข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน หนึ่งวันหลังจากเตหะรานบอกว่าจะถอยห่างจากข้อตกลงนี้มากขึ้นอีก
เมื่อถูกถามว่าทรัมป์ยังเชื่อมั่นหรือไม่ว่าเขายังสามารถดึงอิหร่านเข้าสู่การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ใหม่ คอนเวย์ตอบว่า "เขาบอกว่าเขาเปิดรับการเจรจา ถ้าอิหร่านเริ่มมีพฤติกรรมเหมือนประเทศอื่นๆ ปกติทั่วไป แน่นอนที่สุด"
ทั้งนี้ เมื่อปี 2018 ทรัมป์ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งเจรจาภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนับตั้งแต่นั้นความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับเตหะรานก็โหมกระพือขึ้หน
ท่ามกลางสถานการณ์ที่คุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ จากกรณีสหรัฐฯ สังหารนายพลระดับสูงของอิหร่าน มีรายงานว่าบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอียูจะประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับวิกฤตอิหร่านในวันศุกร์ (10 ม.ค.) ในขณะที่ทางกลุ่มหวังหาทางช่วยบรรเทาสถานการณ์ความตึงเครียด