เอพี/รอยเตอร์ – ผู้นำสหรัฐฯส่งคำขู่ให้อิหร่านรอบใหม่ ประกาศจะโจมตี 52 จุดทั่วอิหร่านหากเตหะรานหวังแก้แค้นให้กับผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ที่เสียชีวิต พร้อมโวทั้งหนักและรวดเร็ว ในขณะที่เมื่อวานนี้(4 ม.ค)คนจำนวนหลายหมื่นในอิรักพร้อมใจเดินขบวนไว้อาลัยพลเอก กัสเซ็ม สุไลมานี ระหว่างตะโกนสาปแช่งสหรัฐฯ พร้อมไปกับชาวอเมริกันในเมืองต่างๆรวมกรุงวอชิงตัน ดีซีออกมาประท้วงต่อต้านสงคราม มีจรวดตกลงมาที่กรุงแบกแดด
เอพีรายงานวันนี้(5 ม.ค)ว่า การออกมาส่งสารคำขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่ออิหร่านในวันเสาร์(4) เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทำเนียบขาวได้แจ้งไปยังสภาคองเกรสสหรัฐฯอย่างเป็นทางการภายใต้คำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯใน "อำนาจสงครามของการใช้โดรนโจมตี"(Powers Act of the drone strike)ที่มีเป้าหมายคือ พลเอกกัสเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่าน
การแจ้งเตือนเป็นความลับและไม่เป็นที่ทราบว่าจะมีการเปิดเผยฉบับสาธารณะออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ตามประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ออกมาเปิดเผยว่า การแจ้งของทำเนียบขาวนั้นเหมือนทำให้สภาคองเกรสและประชาชนชาวอเมริกันอยู่ในความมืดในเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงประเทศ
ซึ่งรอยเตอร์รายงานว่าในวันเสาร์(4)ตามเมืองต่างๆรวมไปถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี มีประชาชนชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับสงครามออกมาประท้วง
โดยที่ด้านนอกของทำเนียบขาว ผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนออกมาตะโกนว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติภาพ สหรัฐฯต้องออกมาจากตะวันออกกลาง” ก่อนที่คนเหล่านี้จะเดินเท้าไปยังโรงแรมทรัมป์ที่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงถนน
คล้ายกันกับที่เกิดในเมืองชิคาโก นิวยอร์ก และเมืองอื่นๆโดยมีผู้จัดงานคือกลุ่ม โค๊ดพิงค์ (Code Pink) ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำโดบผู้หญิงต่อต้านสงคราม ออกมาเปิดเผยว่าการประท้วงมีกำหนดขึ้นในวันเสาร์(4)ตามเมืองต่างๆทั่วสหรัฐฯ
ในขณะที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ป้ายประท้วงที่ผู้ประท้วงถือมีข้อความว่า “ไม่มีสงครามหรือการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน!” และ “กองกำลังสหรัฐฯต้องออกจากอิรัก!”
เอพีรายงานว่าในวันเสาร์(4) ในถ้อยคำที่ไม่เจาะจง ทรัมป์ได้ออกมาทวีตว่า ***รัฐบาลสหรัฐฯของเขาได้กำหนดเป้าหมายที่ 52 จุดทั่วอิหร่าน*** พร้อมชี้ว่า “ซึ่งมีบางส่วนเป็นระดับสูงและมีความสำคัญต่ออิหร่านหรือวัฒนธรรมอิหร่าน” โดยผู้นำสหรัฐฯได้ทำการเชื่อมโยงตัวเลขเข้ากับจำนวนของตัวประกันชาวอเมริกันจำนวน 52 คนที่ถูกอิหร่านจับไว้นานเกือบ 15 เดือนหลังจากผู้ประท้วงได้บุกเข้าโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในกรุงเตหะรานในปี 1979
เอพีรายงานว่าในวันเสาร์(4)มีคนจำนวนมากซึ่งรอยเตอร์ระบุว่ามีจำนวนหลายหมื่นคนได้ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนเพื่อร่วมพิธีศพของพลเอก กัสเซ็ม สุไลมานี (Qassem Soleimani) ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์
รอยเตอร์รายงานว่า ได้มีการนำเอาร่างของสุไลมานีออกเดินทางโดยทางรถหลังจากนั้นเพื่อไปยังเมืองเคอร์บาลา(Kerbala) ซึ่งถือเป็นเมืองศักดิสิทธิ์ของชาวชีอะห์อยู่ทางใต้ของกรุงแบกแดด และหลังจากนั้นต่อไปยังเมืองนาจาฟ (Najaf) ซึ่งถือเป็นอีกเมืองที่มีความศักดิสิทธิ์และเป็นจุดที่ได้พบกับบุตรชายของผู้นำศาสนาสายชีอะห์ของอิรัก แกรนด์อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี (Grand Ayatollah Ali Al-Sistani)
และที่เมืองนาจาฟ พบว่าผู้ช่วยผู้บัญชาการ PMF อาบู มาห์ดี อัล-มูฮานเดซ( Abu Mahdi al-Muhandes) คนใกล้ชิดของสุไลมานีและคนอื่นๆที่เป็นชาวอิรักที่เสียชีวิตจะถูกฝังที่นี่
ส่วนร่างของผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์จะถูกส่งต่อไปที่จังหวัดฆูเซสถาน (Khuzestan Province) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านติดพรมแดนอิรัก และจะนำไปยังเมืองมาชาด (Mashhad)ในวันอาทิตย์(5) ก่อนที่จะถูกส่งมายังกรุงเตหะราน และเมืองเคอร์มาน(Kerman) บ้านเกิดของสุไลมานีเพื่อประกอบพิธีฝังตามหลักศาสนาในวันอังคาร(7)ต่อไป อ้างอิงจากการรายงานสื่อทางการอิหร่าน
เอพีรายงานว่าในทวิตเตอร์ของทรัมป์วันเสาร์(4)ดูเหมือนผู้นำสหรัฐฯจะออกมาตอบโต้ต่อคำขู่การประกาศแก้แค้นของเตหะรานในวันศุกร์(3)
โดยเขากล่าวว่า “อิหร่านออกมาประกาศอย่างใหญ่โตในการที่จะมีเป้าหมายเล่นงานไปที่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯรวมไปถึงการที่เรากำจัดเสี้ยนหนามผู้นำก่อการร้ายระดับโลกของพวกเขาที่ได้สังหารชาวอเมริกันและทำให้คนจำนวนมากบาดเจ็บ ไม่ต้องพูดไปถึงคนอื่นๆทั้งหมดที่ถูกสังหารในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ รวมไปถึงผู้ประท้วงชาวอิหร่านนับร้อยคนเมื่อไม่นานมานี้”
และเสริมต่อว่า “เขาได้โจมตีสถานทูตของเรา และกำลังเตรียมการเพื่อโจมตีจุดอื่นๆ อิหร่านไม่ใช่อะไรเป็นแต่ตัวปัญหามานานหลายปีแล้ว”
ในการทวีตทรัมป์กล่าวย้ำว่า “สหรัฐฯไม่ต่อการภัยมากไปกว่านี้” ทั้งนี้พบว่าเขาได้อ้างอิงเป้าหมายที่ตกอยู่ในวิสัยที่สหรัฐฯจะโจมตีที่มีความสำคัญต่ออิหร่านและทางวัฒนธรรมของอิหร่าน แต่เป็นที่น่าเคลือบแคลงว่า สิ่งนี้อาจจะละเมิดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหรือไม่ เอพีชี้
รอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงเย็นวันเสาร์(4) มีจรวด 1 ลูกตกลงมาในเขตกรีนโซนใกล้สถานทูตสหรัฐฯ และอีกลูกตกลงใกล้กับจาดริยา(Jadriya) ที่อยู่ใกล้เคียง และพบว่ามีจรวดอีก 2 ลูกถูกยิงไปที่ฐานทัพอากาศบาลาด (Balad air base)ทางเหนือของเมืองแต่ไม่พบผู้เสียชีวิต รายงานผ่านแถลงการณ์ของกองทัพอิรัก ซึ่งในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ
และหลังการโจมตีของสหรัฐฯส่งผลทำให้กองกำลังนาโตได้ออกมาประกาศหยุดโครงการฝึกซ้อมรบให้กับอิรักไว้ชั่วคราว