รอยเตอร์ - พวกผู้สนับสนุนกองกำลังกึ่งทหารที่มีอิหร่านหนุนหลัง ได้ถอนตัวออกจากสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงแบกแดดเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันพุธ(1ม.ค.) 2 วันหลังจากบุกจู่โจมเข้าไปภายในกำแพงรั้วของสถานทูต จุดไฟเผาและขว้างหาหินเข้าใส่ หลังวอชิงตันเสริมกองกำลังพิเศษเข้าคุ้มกันและขู่แก้แค้นเตหะราน
พวกผู้ประท้วงที่เดือดดาลต่อกรณีสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศปลิดชีพนักรบกึ่งทหารหลายสิบคนของกลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์ (29ธ.ค.) ขว้างปาก้อนหินเข้าใส่อาคารสถานทูตอเมริกา ในขณะที่กองกำลังสหรัฐฯซึ่งประจำการอยู่บนหลังตาก็ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้เพื่อสลายการชุมนุมของพวกเขา
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายๆวันพุธ(1ม.ค.) พวกผู้ประท้วงได้ถอนตัวออกมา โดยเหมือนจะเป็นการปฏิบัติตามเสียงเรียกร้องของกองกำลังระดมประชาชน (Popular Mobilization Forces หรือ PMF) อันเป็นกองกำลังอาวุธฝ่ายชีอะห์ ซึ่งบอกว่าสารของผู้ชุมนุมเป็นที่ได้ยินแล้ว
พวกคนหนุ่มใช้กิ่งต้นปาล์มปัดกวาดถนนบริเวณด้านหน้าเขตล้อมรั้วของสถานทูต ส่วนคนอื่นๆช่วยกันเก็บอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ก่อนจะมีรถตู้แล่นมารับผู้ประท้วงออกมา อย่างไรก็ตามยังมีบางส่วนที่จัดตั้งแคมป์ประท้วงอยู่บริเวณด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียง
กองทัพอิรักเปิดเผยว่าจนถึงช่วงค่ำ พวกผู้ประท้วงได้ถอนตัวออกไปหมดแล้ว
การประท้วงครั้งนี้อาจเป็นจุดผกผันใหม่ในสงครามตัวแทนระหว่างวอชิงตันและเตหะรานทั่วตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหวังได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในศึกเลือกตั้ง 2020 ในวันอังคาร(31ธ.ค.) ขู่แก้แค้นอิหร่าน แต่ต่อมาบอกว่าเขาไม่ต้องการสงคราม
สถานการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากความโกรธแค้นต่อกรณีที่กองทัพสหรัฐฯเปิดปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมาย 5 แห่ง ของกองกำลังติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับอิหร่านโดยไม่ขออนุญาตจากทางการอิรักก่อน คร่าชีวิตอย่างน้อย 25 ราย บาดเจ็บ 55 คน
ปฏิบัติการดังกล่าวของอเมริกาซึ่งเล็งเป้าหมายถล่มกลุ่มติดอาวุธคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ เป็นการเอาคืนต่อกรณีที่พลเรือนสหรัฐฯสัญญาจ้างรายหนึ่ง เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายยิงจรวดเข้าใส่ฐานทัพทหารอิรักแห่งหนึ่ง ซึ่งอเมริกากล่าวโทษว่ามีฝีมือของนักรบกลุ่มนี้
ในวันอังคาร(31ธ.ค.) ฝูงชนพากันตะโกน "ไปตายซะอเมริกา" จุดไฟเผาและทุบทำลายกล้องวงจรปิด จากนั้นก็ล้วงละเมิดเข้าไปภายในอาณาเขตรอบนอกของสถานทูต แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในเขตล้อมรั้วหลักของสถานทูตได้
วอชิงตันบอกว่าผู้แทนทูตทั้งหมดของพวกเขาปลอดภัย แต่จำเป็นต้องระงับปฏิบัติการทุกอย่างด้านกงสุลและยกเลิกนัดหมายต่างๆทั้งหมด
เหตุประท้วงต่อต้านอเมริกามีขึ้น ตามหลังการประท้วงยืดเยื้อนานหลายเดือนในอิรักต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึงให้การหนุนหลังรัฐบาลชุดนี้
ชาวอิรักหลายคนคร่ำครวญว่าประเทศของพวกเขาเริ่มกลายเป็นสมรภูมิสงครามตัวแทนยิงชิงอิทธิพลระหว่างวอชิงตันกับเตหะราน และบอกว่าพวกผู้นำของพวกเขานั้นติดหนี้บุญคุณอำนาจจากภายนอกมากเกินไป
ทางการอิรัก ขู่ว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะสั่นคลอน เนื่องจากไม่พอใจอเมริกาที่แจ้งเรื่องปฏิบัติการดังกล่าวให้กับนายกรัฐมนตรีอิรักทราบก่อนเพียงครึ่งชั่วโมง และไม่ยอมฟังเสียงทัดทานของอิรักที่ขอให้ระงับภารกิจโจมตีแก้แค้นกลุ่มติดอาวุธคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ต่อสายตรงถึงอเดล อับดุล มาห์ดิ นายกรัฐมนตรีอิรักในวันอังคาร(31ธ.ค.) และเรียกร้องให้อิรักปกป้องสถานทูตของอเมริกา พร้อมกล่าวหาอิหร่านเป็นผู้บงการความรุนแรง