รอยเตอร์ - สหรัฐฯกล่าวโทษอิหร่าน ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุประท้วงรุนแรงด้านนอกสถานทูตอเมริกาประจำแบกแดดเมื่อวันอังคาร31ธ.ค.) ด้วยฝูงม็อบซึ่งไม่พอใจปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของวอชิงตันถล่มเป้าหมายต่างๆในอิรัก ได้จุดไฟเผาและขว้างปาก้อนหินเข้าใส่สถานทูต จนเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงต้องยิงแก๊สตาและระเบิดแสงเพื่อขับไล่พวกเขา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯกล่าวหาอิหร่านบงการความรุนแรงและบอกว่าเตหะรานจะต้องรับผิดชอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกาเผยว่ากำลังส่งทหารสหรัฐฯเข้าไปอารักขาความปลอดภัยแก่สถานทูตเพิ่มเติม
การประท้วงครั้งนี้มีพวกนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเป็นแกนนำและกินเวลายาวนานหลายชั่วโมง แต่ต่อมากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเผยว่าบุคลากรของพวกเขาปลอดภัยดีและสถานทูตไม่ได้ถูกรุกล้ำ ขณะเดียวกันก็ไมมีแผนอพยพแต่อย่างใด
เหตุประท้วงครั้งนี้ดูท่าจะทำให้สงครามตัวแทนระหว่างวอชิงตันกับเตหะรานลุกลามบานปลาย ขณะเดียวกันมันยังจะเป็นความท้าทายครั้งสำคัญต่อระบบการเมืองของอิรักเอง เกือบ 17 ปีหลังจากสหรัฐฯยกพลรุกรานเข้าไปโค่นซัดดัม ฮุสเซน
นอกจากนี้แล้วมันยังเบี่ยงความสนใจไปจากการชุมนุมใหญ่ต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่อิหร่าน ไปยังการประท้วงต่อต้านสหรัฐฯแทน
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อันเนื่องจากความโกรธแค้นกรณีที่กองทัพสหรัฐฯเปิดปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมาย 5 แห่ง ของกองกำลังติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับอิหร่านโดยไม่ขออนุญาตจากทางการอิรักก่อน คร่าชีวิตอย่างน้อย 25 ราย บาดเจ็บ 55 คน
ปฏิบัติการดังกล่าวซึ่งเล็งเป้าหมายถล่มกลุ่มติดอาวุธคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ เป็นการเอาคืนต่อกรณีที่พลเรือนสหรัฐฯสัญญาจ้างรายหนึ่ง เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายยิงจรวดเข้าใส่ฐานทัพทหารอิรักแห่งหนึ่ง ซึ่งอเมริกากล่าวโทษว่ามีฝีมือของนักรบกลุ่มนี้
ทางการอิรัก ที่ขู่ว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะสั่นคลอน เนื่องจากไม่พอใจอเมริกาที่แจ้งเรื่องปฏิบัติหการดังกล่าวให้กับนายกรัฐมนตรีอิรักทราบก่อนเพียงครึ่งชั่วโมง และไม่ยอมฟังเสียงทัดทานของอิรักที่ขอให้ระงับภารกิจนี้
"อิหร่านฆ่าเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างพลเรือนของสหรัฐฯ และมีคนบากเจ็บจำนวนมาก เราตอบโต้อย่างแข็งกร้าว และจะเป็นแบบนี้ไปตลอด" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์ "ตอนนี้อิหร่านบงการเหตุโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในอิรัก พวกเขาจำต้องรับผิดชอบอย่างเต็มเหนี่ยว"
รอยเตอร์อ้างผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าพวกผู้ประท้วง ในนั้นรวมถึงกลุ่มนักรบ จุดไฟเผาป้อมรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าสถานทูต จากนั้นก็ขว้างปาก้อนหินใส่ประตู ขณะที่คนอื่นๆตะโกนว่า "ไม่เอาอเมริกา ไม่เอาทรัมป์"
อย่างไรก็ตามอิรักส่งกองกำลังพิเศษประจำการรอบๆประตูหลักเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงเข้าไปภายใน ก่อนที่กองกำลังต่อต้านก่อการร้ายอิรัก ซึ่งได้รับการฝึกฝนและสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือโดยสหรัฐฯ จะเข้ามาเสริมกำลังในเวลาต่อมา
แหล่งข่าวด้านการแพทย์บอกว่ามีนักรบ 12 คนได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาและระเบิดแสงที่ยิงเข้าใส่เพื่อสลายการชุมนุม
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่าพวกนักการทูตสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่พากันเข้าไปหลบในห้องปลอดภัยที่มีการคุ้มกันหนาแน่นภายในสถานทูต จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พวกนักรบบางส่วนประกาศผ่านลำโพงขอให้ผู้ประท้วงล่าถอยกลับไป
ชาวอิรักพากันไหลบ่าสู่ท้องถนนแทบจะรายวัน วันละหลายพันคน เพื่อประณามและแสดงเจตนารมณ์อื่นๆ ขณะที่กลุ่มติดอาวุธคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์และผู้อุปถัมภ์ของพวกเขาอย่างอิหร่าน ต่างให้การสนับสนุนรัฐบาลของอเดล อับดุล มาห์ดี นายกรัฐมนตรีอิรัก
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐต่อโทรศัพท์พูดคุยกับ อับดุล มาห์ดีและประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาลิห์ และเปิดเผยว่าทั้งสองให้คำรับประกันความปลอดภัยแก่บุคคลกรและทรัพย์สินของสหรัฐฯ