เอเจนซีส์ - นักวิจัยพบ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สามารถระบุมะเร็งเต้านมจากการคัดกรองเป็นประจำด้วยเมมโมแกรมได้แม่นยำกว่าแพทย์ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสในการรักษาผู้ป่วย อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องมีการวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อให้เอไอทำหน้าที่เป็น “ความคิดเห็นที่สอง” ที่มีประสิทธิภาพในอนาคต
มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง และการคัดกรองเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจพบสัญญาณของโรคแต่เนิ่นๆ ที่สุดในผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการชัดเจน
ในอังกฤษ ผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไปได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการตรวจเต้านมด้วยเมมโมแกรมทุก 3 ปี โดยผลการตรวจจะได้รับการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระ 2 คน
อย่างไรก็ตาม การอ่านผลการตรวจยังมีโอกาสเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ทั้งแบบผลบวกที่ผิดพลาดคือ การวินิจฉัยผู้ที่มีสุขภาพดีว่า เป็นมะเร็งเต้านม และแบบผลลบที่ผิดพลาดคือ การตรวจไม่พบโรคทั้งที่มะเร็งกำลังลุกลาม
แต่ปัจจุบัน นักวิจัยของกูเกิล เฮลธ์ร่วมกับนักวิจัยจาก อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ออกแบบและฝึกฝนโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ให้ตรวจหามะเร็งจากภาพเอ็กซ์เรย์ในการคัดกรองเต้านมของผู้หญิงเกือบ 29,000 คนในอังกฤษและอเมริกา ซึ่งพบว่า โมเดลเอไออ่านผลเมมโมแกรมอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารังสีแพทย์ 6 คน และมีประสิทธิภาพพอๆ กับการทำงานร่วมกันของแพทย์สองคน
ในอังกฤษนั้น รังสีแพทย์ 2 คนจะทำหน้าที่วิเคราะห์ภาพเอ็กซ์เรย์จากการตรวจด้วยเมมโมแกรม ซึ่งหากรังสีแพทย์ทั้ง 2 คนวินิจฉัยขัดแย้งกัน จะต้องมีรังสีแพทย์คนที่ 3 มาประเมินภาพเอ็กซ์เรย์
ในการทดลอง โมเดลเอไอต้องวิเคราะห์ภาพเอ็กซ์เรย์ที่ไม่มีการระบุชื่อผู้ป่วย รวมทั้งไม่สามารถเข้าถึงประวัติผู้ป่วยแบบผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์
ผลปรากฏว่า โมเดลเอไอมีประสิทธิภาพเทียบเท่าระบบวิเคราะห์ภาพเอ็กซ์เรย์ด้วยแพทย์ 2 คน และสามารถระบุมะเร็งได้ดีกว่าแพทย์เพียงคนเดียว
กล่าวคือเมื่อเทียบกับรังสีแพทย์ 1 คน โมเดลเอไอสามารถลดจำนวนผลบวกที่ผิดพลาดหรือการวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งทั้งที่ไม่ได้เป็น 1.2% และลดจำนวนผลลบที่ผิดพลาดหรือการตรวจไม่พบมะเร็งทั้งที่เป็น 2.7%
โดมินิก คิง ผู้นำทีมวิจัยของกูเกิล เฮลธ์ กล่าวว่า ทีมงานคิดถึงเทคโนโลยีในรูปแบบที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ป่วย ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจากการวินิจฉัยด้วยวิธีใดก็ตาม เนื่องจากตระหนักว่า ยิ่งตรวจพบมะเร็งเต้านมเร็วเพียงใด ผู้ป่วยยิ่งมีโอกาสมากขึ้นในการรักษา
การศึกษานี้ซึ่งเผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ยังพบว่า การใช้เอไอตรวจสอบความถูกต้องในการวินิจฉัยของแพทย์ช่วยลดภาระงานของแพทย์คนที่สองได้ถึง 88%
อย่างไรก็ดี ทีมนักวิจัยสำทับว่า จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม และหวังว่า เทคโนโลยีนี้จะทำหน้าที่เป็น “ความคิดเห็นที่สอง” ในการวินิจฉัยหามะเร็งในอนาคต
