เอเอฟพี – เศรษฐกิจของสิงคโปร์ ตัวชี้วัดสำหรับประเทศเน้นการส่งออกส่วนที่เหลือของเอเชีย เติบโตเพียง 0.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนกระทบกระเทือนตลาดโลก
นครรัฐแห่งนี้มักเป็นประเทศแรกๆ ในหมู่ระบบเศรษฐกิจเอเชียที่ได้รับผลกระทบในช่วงภาวะตกต่ำ และประเทศนี้เพิ่งรอดพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสที่สามได้อย่างเฉียดฉิว
กระทรวงพาณิชย์ ระบุในถ้อยแถลงวันพฤหัสบดี (2) ว่า จากการประเมินล่วงหน้า เศรษฐกิจน่าจะขยายตัว 0.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสที่ 4 ถึงเดือนธันวาคม
นั่นทำให้อัตราการเติบโตโดยรวมสำหรับปี 2019 อยู่ที่เพียง 0.7 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจาก 3.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2018
“นี่ถือเป็นสมรรถนะการเติบโตที่เลวร้ายที่สุดสำหรับสิงคโปร์นับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก” เออร์วิน ซีห์ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร ดีบีเอส แบงก์ ระบุในข้อความ โดนอ้างจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เริ่มเมื่อปลายปี 2008 และคงอยู่ถึงปี 2009
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเสริมว่า “ถึงแม้จะมีสมรรถนะการเติบโตที่ไม่สดใส แต่เศรษฐกิจกำลังค่อยๆ หลุดพ้นจากอุปสรรค ในขณะที่มีสัญญาณการถึงจุดต่ำสุดในสภาพแวดล้อมภายนอก”
“หลังเผชิญสภาวะช็อกเชิงลบอย่างเหนือความคาดหมาย แรงกระตุ้นการเติบโตคาดว่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า” เขากล่าว
การเติบโตเมื่อปีที่แล้วถูกถ่วงด้วยการผลิต เสาหลักสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งแตะ 1.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากผลผลิตที่น้อยลงในกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญๆ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ประกาศของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันอังคาร (31) ที่ว่า สหรัฐฯและจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าใหม่ฉบับย่อยในช่วงกลางเดือนหน้าก่อให้เกิดความหวังว่าจะได้เห็นการค้าโลกที่ดีขึ้นในปีนี้
สิงคโปร์กำลังจะเปิดเผยแผนงบประมาณแห่งชาติสำหรับปีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยผู้สังเกตการณ์หลายคนกำลังเฝ้าจับตาดูสัญญาณของการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะจัดภายในอีกไม่กี่เดือน
นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง กล่าวว่าในข้อความวันปีใหม่ว่า แผนงบประมาณจะมีการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจและแรงงาน รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือครัวเรือนจัดการค่าครองชีพ