ซินหัว, กรุงเทพฯ, 3 พ.ย.-- นายกฯหลี่ เค่อเฉียง เผยจีนพร้อมเชื่อมโยงความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เข้ากับยุทธศาสตร์การพัฒนาของอาเซียน และยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน และในสามปีข้างหน้าจีนยินดีฝึกอบรมผู้ดูแลด้านสุขภาพและช่างเทคนิคมืออาชีพของอาเซียนจำนวน 1,000 คน และสนับสนุนทุนการศึกษาจีน-อาเซียน
จากการที่นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง เข้าร่วมการประชุมผู้นำ-จีนอาเซียน (10+1) ครั้งที่ 22 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ณ กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย, โรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์, สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน, โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย, มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย, เหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม, ออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา, ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีลาว โดยหลี่ เค่อเฉียง และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานร่วมในการประชุมฯ
หลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่านับตั้งแต่จีนและอาเซียนมีความสัมพันธ์ฉันคู่เจรจา ได้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ทั้งจีน และภูมิภาคอาเซียน โดยจีนได้ให้การสนับสนุนอาเซียนในฐานะศูนย์กลางอันเป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือเอเชียตะวันออกมาโดยตลอด
จากนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ระบุไว้ว่า “เราต้องร่วมมือกันสร้างประชาคมจีน-อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จีนและอาเซียนเคารพซึ่งกันและกัน ยึดหลักความเท่าเทียม แก้ปัญหาข้อพิพาทผ่านการพูดคุยหารือ และร่วมกันธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค”
“เรายึดมั่นในวิถีแห่งการพัฒนาร่วมกัน ผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-อาเซียน ส่งเสริมความเข้าใจที่ดีระหว่างวัฒนธรรมและระหว่างประชาชน โดยปีที่ผ่านมา ชาวจีนและชาวอาเซียนเดินทางไปมาระหว่างกันมากถึง 57 ล้านครั้ง”
หลี่ เค่อเฉียงยังชี้ว่า แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ได้สร้างความความท้าทายใหม่ๆ ให้กับนานาประเทศ จีนและกลุ่มประเทศอาเซียนจึงควรร่วมกันปกป้องระบบพหุภาคีและการค้าเสรี ทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความเสี่ยง ยึดมั่นในหลักการของการได้ประโยชน์ร่วม ยกระดับการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) วางรากฐานให้กับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก บรรลุพิธีสารเพื่อเแก้ไขความตกลงภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน เสริมสร้างความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
สำหรับ“แนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้” (COC) จีนคาดหวังจะมีการยกระดับ “ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้” (DOC) ซึ่งมีกรอบระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี โดยแต่ละฝ่ายจะเคารพหลักการแต่ละประการของปฏิญญาฯ ขจัดอุปสรรคกีดขวางและก้าวไปข้างหน้า ผลักดันการหารือตามกำหนดเวลา เพื่อบรรลุการทบทวนรอบที่ 2 ในปี 2020
นอกจากส่งเสริมมิตรภาพและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมแล้ว ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การศึกษา และการท่องเที่ยวก็เป็นสิ่งที่จีนให้ความสำคัญ โดยในสามปีข้างหน้าจีนยินดีฝึกอบรมผู้ดูแลด้านสุขภาพและช่างเทคนิคมืออาชีพของอาเซียนจำนวน 1,000 คน และสนับสนุนทุนการศึกษาจีน-อาเซียน เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีในหมู่ประชาชน
หลี่ เค่อเฉียงกล่าวว่า จีนยึดมั่นในเส้นทางแห่งการพัฒนาอย่างสันติ และยุทธศาสตร์การเปิดกว้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน และยินดีที่จะเชื่อมโยงความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เข้ากับยุทธศาสตร์การพัฒนาของทั้งประชาคมอาเซียนโดยรวม และยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน เดินหน้าสร้างเส้นทางการขนส่งตามแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ผลักดันการเจริญเติบโตในอาเซียนตะวันออก ส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลขนาดใหญ่ และความปลอดภัยของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ปกป้องระบบนิเวศทางทะเล อุตสาหกรรมทางทะเล พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีการอนุรักษ์น้ำ เป็นต้น
เหล่าผู้นำของกลุ่มประเทศอาเซียนต่างแสดงความยินดีกับจีน ในวาระครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับจีนนั้น เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรที่มีพลวัตมากที่สุดในบรรดาคู่เจรจาของอาเซียน รวมถึงขอบคุณจีนที่สนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือในภูมิภาค ตลอดจนแสดงความยินดีที่จะร่วมรังสรรค์แผนริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” กับจีน ขยายความเชื่อมโยงและการลงทุนระหว่างกัน ส่งเสริมการร่วมมือทางนวัตกรรม อีคอมเมิร์ซ เมืองอัจฉริยะ เศรษฐกิจสีน้ำเงิน เพื่อบรรลุเป้าหมายยอดการค้า 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
อนึ่ง ที่ประชุมได้ประกาศการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการดำเนินการตามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองระหว่างจีน-อาเซียน (2021-2025) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับแผนริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เมืองอัจฉริยะ และการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชน นอกจากนี้ยังประกาศให้ปี 2020 เป็นปีแห่งการร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างจีน-อาเซียนอีกด้วย