xs
xsm
sm
md
lg

UN จี้สหรัฐฯ เลิกจำกัดวีซ่านักการทูต ‘อิหร่าน-รัสเซีย’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี – องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ยูเอ็นยกเลิกมาตรการจำกัดวีซ่านักการทูตอิหร่าน และยังประณามวอชิงตันที่งดออกวีซ่าให้แก่นักการทูตรัสเซียหลายครั้ง

ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีนี้ นักการทูตและรัฐมนตรีอิหร่านที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจในสหรัฐฯ ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวให้อยู่แต่ภายในพื้นที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นที่นครนิวยอร์ก, สถานทูตอิหร่าน และบ้านพักเอกอัครราชทูตเท่านั้น

ร่างมติที่ร่วมกันเสนอโดยไซปรัส, บัลแกเรีย, แคนาดา, คอสตาริกา และไอเวอรีโคสต์ ได้รับมติเอกฉันท์จากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) และแม้จะไม่มีผลบังคับผูกพันเหมือนมติของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น แต่ก็ถือว่ามีน้ำหนักในทางการเมือง

เนื้อหาของร่างมติไม่ได้ระบุชื่อประเทศ แต่เป็นเข้าใจว่าหมายถึงข้อจำกัดที่สหรัฐฯ ใช้กับนักการทูตอิหร่าน รวมถึงกรณีที่คณะทูตรัสเซียถูกปฏิเสธวีซ่าไม่ให้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเมื่อเดือน ก.ย.

ร่างมติฉบับนี้ระบุว่า “องค์การสหประชาชาติขอเรียกร้องให้ประเทศเจ้าบ้านยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางทั้งหมดที่ใช้กับนักการทูตบางประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการยูเอ็นบางสัญชาติ” และย้ำด้วยว่ายูเอ็นให้ความสำคัญกับข้อโต้แย้งจากคณะทูต “ทั้ง 2 ประเทศ” ที่ระบุว่านโยบายเช่นนี้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของพวกเขา

ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิหร่านเริ่มเสื่อมทรามลงตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 2018 หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ปี 2015 และนำมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านกลับมาใช้ใหม่

โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ร้องเรียนต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเมื่อเดือน ก.ย. ว่า เขาไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมทูตอิหร่านประจำยูเอ็นที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ได้

ร่างมติยูเอ็นยังแสดงความ “เป็นห่วงอย่างยิ่งต่อการที่ผู้แทนรัฐสมาชิกบางประเทศถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯ” ซึ่งหมายถึงนักการทูตหมีขาว 18 คนที่ถูกปฏิเสธวีซ่าในเดือน ก.ย.

แหล่งข่าวนักการทูตในยูเอ็นเล่าว่า วาสซิลีย์ เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น ได้เอ่ยย้ำกับประธานาธิบดี ทรัมป์ ระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันซึ่งจัดโดยทำเนียบขาวเมื่อต้นเดือน ธ.ค. ว่า การปฏิเสธวีซ่านักการทูตจะทำให้ภาพลักษณ์ของอเมริกาในฐานะเจ้าภาพต้องเสื่อมเสีย ซึ่ง ทรัมป์ ระบุว่าตนไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน และสั่งให้ทีมงานไปตรวจสอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น