เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารให้ระงับเงินอุดหนุนจากส่วนกลางต่อวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่อนุญาตให้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านชาวเซมิติก (anti-semitism) ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าคำสั่งเช่นนี้เป็นการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น
คำสั่งบริหารของ ทรัมป์ เป็นการขยายความคุ้มครองจากการถูกแบ่งแยกกีดกันภายใต้กฎหมายสิทธิพลเมืองปี 1964 (1964 Civil Rights Act) ให้ครอบคลุมถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อลัทธิต่อต้านชาวเซมิติกตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
“นี่คือสิ่งที่เราจะบอกกับมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ถ้าคุณอยากได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางอย่างที่เคยได้รับทุกๆ ปี คุณต้องปฏิเสธลัทธิต่อต้านชาวเซมิติก ง่ายๆ แค่นั้นแหละ” ทรัมป์ กล่าวในพิธีเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งแสงสว่างของชาวยิว (ฮานุกกาห์) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว
ทรัมป์ เรียกตัวเองว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่โปรอิสราเอลมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ” และเห็นได้ชัดว่าเขาหวังจะใช้กิจกรรมนี้เป็นเวทีเรียกคะแนนนิยมจากชาวอเมริกันเชื้อสายยิวที่เป็นฐานเสียงดั้งเดิมของพรรคเดโมแครต ก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. ปีหน้า
มาตรา 6 ของกฎหมายสิทธิพลเมืองกำหนดห้ามมิให้มีการกีดกันบุคคลด้วยพื้นฐานทางเชื้อชาติ, สีผิว และประเทศกำเนิด ในโครงการหรือกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
“มาตรา 6 ในกฎหมายสิทธิพลเมืองซึ่งห้ามมิให้รัฐบาลกลางจ่ายงบอุดหนุนมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอื่นๆ ที่สนับสนุนการแบ่งแยกกีดกัน จะมีผลครอบคลุมถึงสถาบันที่อนุญาตให้มีการแพร่ขยายความเกลียดชังชาวเซมิติกด้วย” ทรัมป์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม J-Street ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ยิว-อเมริกันสายเสรีนิยม ชี้ว่า คำสั่งของ ทรัมป์ ดูเหมือนจะเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเล่นงานมหาวิทยาลัยที่วิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล มากกว่าจะมีเจตนาต่อสู้ลัทธิต่อต้านชาวเซมิติกจริงๆ
องค์กรสันนิบาตต่อต้านการหมิ่นประมาท (Anti-Defamation League) ซึ่งติดตามการเหยียดเชื้อชาติ ออกมาแสดงความชื่นชมต่อคำสั่งของผู้นำสหรัฐฯ
“ท่ามกลางบรรยากาศความเกลียดชังชาวเซมิติกที่รุนแรงขึ้น คำสั่งบริหารฉบับนี้ถือเป็นแนวทางที่จะช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสามารถระบุตัวตนและต่อต้านการแพร่กระจายความเกลียดชังนี้ ทั้งยังเป็นการตอกย้ำความคุ้มครองต่อชาวยิวภายใต้มาตรา 6 โดยไม่ละเมิดบทบัญญัติเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับที่ 1” โจนาธาน กรีนบลัตต์ ประธานสันนิบาตต่อต้านการหมิ่นประมาท ระบุ
ขบวนการ Boycott, Divestment, and Sanctions (BDS) ซึ่งเป็นกลุ่มโปรปาเลสไตน์ที่รณรงค์ต่อต้านนโยบายที่อิสราเอลมีต่อชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา เริ่มได้รับความนิยมจากนักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แต่ยังคงถูกต่อต้านจากสภาคองเกรส ขณะที่หลายรัฐในอเมริกาก็มีมาตรการสกัดกั้นกิจกรรมของ BDS ด้วย
นักวิจารณ์บางคนโต้แย้งว่า การเข้าร่วมบอยค็อตต์ถือเป็นส่วนหนึ่งของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง และรัฐบาลกำลังปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของอิสราเอลโดยชอบธรรม โดยยกเรื่องการต่อสู้ลัทธิเกลียดชังชาวเซมิติกมาบังหน้า