เอพี/เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(7 ธ.ค)เจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยว่าได้ควบคุมตัวทหารซาอุฯจำนวน 10 นายในขณะที่คนอื่นๆยังติดตามไม่ได้ภายในสถานีการบินกองทัพเรือสหรัฐฯเพนซาโคลา รัฐฟลอริดา เกิดขึ้นหลังก่อนเวลา 07.00 น.ของวันศุกร์(6 ธ.ค)นายทหารอากาศซาอุฯที่เข้ามาฝึกภายในฐานทัพตามโครงการ โมฮัมเหม็ด ซาอิด อัลชามรานี( Mohammed Saeed Alshamrani)กราดยิงทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายในห้องฝึก เจ้าหน้าที่สหรัฐฯสอบสวนเชื่อมก่อการร้าย กษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียต่อสายถึงผู้นำสหรัฐฯทันที รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯยังไม่ปักใจว่าเป็นการก่อการร้าย
เอพีรายงานวันนี้(7 ธ.ค)ว่า เรืออากาศตรีกองทัพซาอุฯ โมฮัมเหม็ด ซาอิด อัลชามรานี( Mohammed Saeed Alshamrani) วัย 21 ปีที่ลงมือกราดยิงภายในห้องฝึกของฐานทัพเรือสหรัฐฯในเพนซาโคลา (Pensacola) รัฐฟลอริดา เมื่อวันศุกร์(6)ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 รายส่วนตัวเขาถูกยิงเสียชีวิต ล่าสุดพบว่าอัลชามรานีได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารเย็นในช่วงสัปดาห์ ภายในงานพบว่าตัวเขาและแขกที่เข้าร่วมอีก 3 คนดูวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กราดยิงในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้ข้อมูลกับเอพีในวันเสาร์(7)
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า บัญชีทวิตเตอร์ที่ตรงกับชื่อของมือปืนพบมีการโพสต์ข้อความแสดงการต่อต้านสหรัฐฯก่อนยิง กลุ่มติดตามความเคลื่อนไหวทางออนไลน์เปิดเผย แต่อย่างไรก็ตามในวันเสาร์(7) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ค เอสเปอร์กล่าวว่ายังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการก่อการร้ายสอดคล้องกับท่าทีของผู้นำสหรัฐฯที่ในการทวีตก่อนหน้าพยายามจะไม่กล่าวถึงในเรื่องนี้
ทั้งนี้พบว่า 1 ใน 3 ของแขกทั้งหมดที่เป็นทหารถูกส่งตัวเข้ามาฝึกภายในสถานีการบินกองทัพเรือสหรัฐฯเพนซาโคลาถูกพบว่าได้แอบบันทึกวิดีโอคลิปที่บริเวณด้านนอกอาคารในขณะที่เกิดเหตุ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผย และมีทหารซาอุฯอีก 2 นายซึ่งเป็นนักเรียนเช่นกันมองออกมาจากนอกรถ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่ามีทหารซาอุฯจำนวน 10 นายถูกควบคุมตัวภายในฐานทัพในวันเสาร์(7)ในขณะที่มีอีกจำนวนไม่มากนักยังไม่สามารถติดตามตัวได้ และในเวลานี้ FBI กำลังออกติดตามตัวทหารซาอุฯทั้งหมดทื่ยังหาตัวไม่พบ
ทั้งนี้ก่อนหน้าทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยกับเอพีว่า ในเวลานี้พวกเขากำลังทำการสอบสวนคดีไปในแนวทางเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย และ FBI ของสหรัฐฯกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าอัลชามรานีลงมือก่อเหตุตามลำพังหรือเชื่อมโยงกับองค์กรหรือกลุ่มใดหรือไม่
หลังเกิดเหตุพบว่า กษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียได้ต่อสายถึงผู้นำสหรัฐฯ
โดยในการทวีตช่วงบ่ายของเขา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า พระองค์ทรงแสดงความเสียพระทัยต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ
และกษัตริย์ซาอุทรงตรัสว่า “ไม่มีทางที่ผู้นี้จะแสดงหรือเป็นตัวแทนความรู้สึกของประชาชนชาวซาอุฯ” โดยพระองค์ทรงย้ำกับผู้นำสหรัฐฯว่า ประชาชนชาวซาอุฯรักชาวอเมริกัน และได้มีความโกรธแค้นเป็นอย่างมากต่อการกระทำที่ป่าเถื่อนของมือปืน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ ชี้ว่า ภายในเวลาก่อน 08.00 น.ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ซาอุฯออกมาประณามการกราดยิงและประกาศว่าทางซาอุฯจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนกับสหรัฐฯอย่างเต็มที่
สหรัฐฯและซาอุฯมีความร่วมมือทางการทหารร่วมกันเป็นอย่างมากโดยสหรัฐฯให้ความช่วยเหลือทั้งในการฝึกทั้งภายในประเทศและที่ซาอุฯเอง
ซึ่งอ้างอิงจากการแถลงข่าวของกองทัพเรือสหรัฐฯเมื่อวันที่ 15 พ.ย) พบว่าในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีนักบินกองทัพเรือ 18 นาย และลูกเรือเครื่องบินอีก 2 นายจากกองทัพเรือซาอุฯเข้ารับการฝึกกับกองทัพเรือสหรัฐฯรวมไปถึงที่ฐานทัพเรือเพนซาโคลา แต่อย่างไรก็ตาม เดลีเมลชี้ว่า ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามือกราดยิงนั้นรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยหรือไม่
กลุ่มที่เข้ารับการฝึกนี้อยู่ภายใต้โครงการกองทัพเรือสหรัฐฯที่เสนอให้ความช่วยเหลือแก่ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯที่รู้จักในชื่อโครงการศึกษาทางนาวีและการฝึกสนับสนุนทางความมั่นคงกิจกรรมภาคสนาม(Naval Education and Training Security Assistance Field Activity)
โดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการความร่วมมือเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศซาอุฯที่เข้าร่วมโครงการนี้ที่จะถูกส่งเข้ามารับการฝึกในสหรัฐฯได้รับการคัดกรองอย่างเข้มงวดจากทั้ง 2 ประเทศ
แหล่งข่าวกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ซาอุฯที่ถูกส่งมาล้วนแล้วแต่ถูกคัดสรรมาจากกองทัพซาอุฯ และมักจะมาจากครอบครัวชนชั้นสูง และเสริมต่อว่า ผู้เข้ารับการฝึกมักต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างยอดเยี่ยม
ซึ่งการกราดยิงที่เกิดขึ้นก่อนเวลา 07.00 น.ของวันศุกร์(6) ครอบคลุม 2 ชั้นของอาคารห้องเรียนภานยในฐานทัพ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯแถลงว่า มือกราดยิงถูกยิงเสียชีวิตโดยผู้ช่วยนายอำเภอเอสแกมเบีย เคาน์ตี (Escambia County) และบรรดาผู้ช่วยเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับอัลชามรานีภายในห้องฝึก มีการเปิดเผยว่ามือปืนใช้ปืนพกเป็นอาวุธก่อเหตุแต่อย่างไรก็ตามเอพีชี้ว่า อาวุธนั้นถูกห้ามนำเข้ามาภายในฐานทัพ โดยในช่วงเวลาระหว่างเกิดเหตุและหลังจากนั้นฐานทัพถูกปิดตาย
พบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 รายถูกประกาศเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนรายที่ 4 ถูกประกาศเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลังจากนั้น
เหตุการณ์กราดยิงภายในฐานทัพวันศุกร์(6)เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ภายในสัปดาห์เดียวกันหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงโดยทหารเรือสหรัฐฯที่ฐานทัพอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ รัฐฟลอริดาในวันพุธ(4) สังหารลูกจ้างพลเรือนประจำฐานเสียชีวิตไป 2 รายก่อนใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิต
