เอเอฟพี – กลุ่มผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจในขณะที่คนหลายพันลงสู่ถนนหลายเส้นในเมืองหลวงชิลีเมื่อวันศุกร์ (6) เพื่อร่วมการชุมนุมที่เข้าสู่วันที่ 50 นับตั้งแต่เกิดความไม่สงบกลางเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศนี้ในรอบหลายสิบปี
ชาวชิลีที่เดือดดาลออกมาประท้วงความไม่เท่าเทียมทางสังคมและเศรษฐกิจเป็นเวลาหลายสัปดาห์ รวมทั้งกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองที่มาจากตระกูลเศรษฐีไม่กี่ตระกูลในประเทศนี้ นอกเหนือจากประเด็นอื่นๆ
วิกฤตนี้นับว่าเลวร้ายที่สุดในช่วงเวลา 3 ทศวรรษของระบอบประชาธิปไตยชิลี และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 คนและบาดเจ็บกว่า 12,000 คน อ้างจากองค์กรรัฐอเมริกัน (Organization of American States) และมีผู้ถูกคุมขังอีก 20,600 คน
ในทุกๆ วันศุกร์นับตั้งแต่การประท้วงเริ่มต้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม คนหลายพันคนจะมารวมตัวกันที่สวนพลาซ่าอิตาเลียใจกลางกรุงซานติเอโกเพื่อโบกธง ร้องเพลง และเต้นรำ เพื่อแสดงการต่อต้านรัฐบาลอนุรักษนิยมของประธานาธิบดี เซบาสเตียน ปิเนรา
กลุ่มผู้ประท้วงชูธงชาติชิลีขนาดใหญ่พร้อมกับปิดตาข้างหนึ่ง สัญลักษณ์ของคน 300 คนที่ได้รับบาดเจ็บทางดวงตาในระหว่างการเผชิญหน้ากับตำรวจ
ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ถือก้อนหินและระเบิดน้ำมันเข้าปะทะกับตำรวจ ซึ่งขัดขวางพวกเขาด้วยแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำ
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำสิ่งกีดขวางมาติดตั้งรอบจัตุรัสแห่งนี้ในช่วงเย็นวันศุกร์ (6)
ความไม่สงบในชิลีเริ่มต้นด้วยการชุมนุมต่อต้านการขึ้นราคาตั๋วรถไฟใต้ดินในซานติเอโก ซึ่งพัฒนากลายเป็นการประท้วงรุนแรงทั่วประเทศ
เมื่อเดือนที่แล้ว สมาชิกสภานิติบัญญัติในสภาคองเกรสของชิลีเห็นพ้องที่จะจัดการลงประชามติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 1980 และเขียนโดยรัฐบาลทหารของ ออกุสโต ปิโนเชต์
ผู้ประท้วงเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อกำหนดให้รัฐต้องรับผิดชอบจัดสรรการศึกษาและบริการสุขภาพ