รอยเตอร์ – นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซียเริ่มการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมโอเปกปีหน้า และย้อนนึกถึงความภาคภูมิใจในสมัยที่ประเทศของเขาเป็นเจ้าภาพกาประชุมนี้เมื่อกว่า 20 ปีก่อน แต่ก็ระบุถึงความเสี่ยงต่างๆ ด้วย
ชายวัย 94 ปีรายนี้ ซึ่งชนะการเลือกตั้งอย่างเหนือความคาดหมายเมื่อปีที่แล้ว ระบุว่า เขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนไกว่าการประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperations หรือเอเปก) จะผ่านพ้นไป ก่อนที่จะส่งมอบตำแหน่งนี้ให้กับสมาชิกแนวร่วม เขาจะเป็นผู้นำโลกคนแรกที่ได้จัดการประชุมนี้ถึงสองครั้ง
“เราเชื่อว่ามันค่อนข้างเหมาะเจาะสำหรับมาเลเซียที่จะเริ่มโอกาสครั้งที่สองของเราเพื่อจัดการประชุมเอเปกในสถานที่เดียวกับที่เราเคยจัดเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว” มหาเธร์ กล่าวที่พิธีเปิดในเมืองไซเบอร์จายา ที่ตั้งบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายแถบชานกรุงกัวลาลัมเปอร์
เป้าหมายหลักของการประชุมซัมมิทปีหน้าคือการสรุปวิสัยทัศน์หลังปี 2020 ของ 21 สมาชิกเอเปก การประชุมอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกของสมาชิกอาวุโสเอเปกจะถูกจัดบนเกาะลังกาวีของมาเลเซียสัปดาห์หน้า
มหาเธร์ย้อนความจำว่า ประเทศของเขาเคยจัดการประชุมเอเปกครั้งล่าสุดหลังวิกฤตการเงินเอเชียปี 1997 ในเวลาที่บรรดานักลงทุนต่างสูญเสียความเชื่อมั่นใน 5 เสือเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตลาดการเงินในภูมิภาคนี้พังยับเยิน
“วันนี้ มาเลเซียจะจัดการประชุมเอเปก 2020 ในสถานการณ์ที่เกือบจะเหมือนกัน ขณะที่ความเสี่ยงด้านลบต่างๆ กำลังก่อตัวอย่างต่อเนื่องและความตึงเครียดด้านนโยบายการค้ายังอยู่กับเรา” เขากล่าว “แนวโน้มทั้งหมดนี้จะยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นในในผลประโยชน์ของการค้าและการลงทุนทั่วโลกสำหรับคนทั่วไป”
มหาเธร์ยังกล่าวด้วยว่า ประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับความคิดที่สหรัฐฯ จะร่วมจัดการประชุมเอเปกอีกรอบหนึ่งในปีหน้า แทนการประชุมของปี 2019 ที่เจ้าภาพชิลีขอยกเลิกเนื่องจากการประท้วงบนถนน
“มีคำเชิญส่งถึงประเทศเอเปกต่างๆ แต่พวกเราเกือบทุกคนตัดสินใจว่ามันไม่จำเป็น” มหาเธร์ บอกผู้สื่อข่าวหลังพิธีเปิด
เอเปกถูกก่อตั้งในปี 1989 ด้วยเป้าหมายเพื่อสนับสนุนความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก มีการดำเนินงานในระดับรัฐมนตรีจนถึงปี 1993 เมื่อประธานาธิบดี บิล คลินตัน ของสหรัฐฯ ริเริ่มการประชุมผู้นำประจำปี