รอยเตอร์ - รัฐบาลออสเตรเลียออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีนักเขียนชาวออสเตรเลียเชื้อสายจีนถูกจับในแดนมังกรและโดนคุมขังมานานร่วม 1 ปี พร้อมเรียกร้องให้ปักกิ่งเปิดเผยรายละเอียดของคดีนี้
มารีส เพย์น รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า เจ้าหน้าที่สถานกงสุลออสเตรเลียที่ไปเยี่ยม หยาง เหิงจวิน (Yang Hengjun) กลับมารายงานถึงสภาพความเป็นอยู่ของเขาที่ “สุดจะรับได้” ทั้งการถูกแยกขังเดี่ยว, ถูกสอบปากคำรายวัน และบางครั้งก็ถูกใส่โซ่ตรวน
การท้วงติงของรัฐบาลออสซี่ครั้งนี้คาดว่าจะเผชิญเสียงตอบรับที่แข็งกร้าวจากจีนซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของแดนจิงโจ้ และข้อพิพาทการทูตที่ผ่านๆ มาก็ทำให้จีนหันมาใช้มาตรการกีดกันการนำเข้าถ่านหินและไวน์จากออสเตรเลีย
นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย ยืนยันผ่านสื่อที่กรุงแคนเบอร์ราว่า สวัสดิภาพของพลเมืองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และที่ผ่านมารัฐบาลของเขาก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการกักขัง หยาง “มาสักระยะหนึ่งแล้ว”
“ออสเตรเลียยืนหยัดเพื่อพลเมืองของเราเสมอ และเราจะต้องซื่อสัตย์ต่อความเป็นประชาชาติของเรา”
หยาง ซึ่งเป็นทั้งอดีตนักการทูตจีน ผู้สื่อข่าวออนไลน์ และบล็อกเกอร์ เพิ่งถูกทางการจีนตั้งข้อหาจารกรรมอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ส.ค. หลังจากที่ถูกจับในเมืองกว่างโจวเมื่อ 7 เดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ ความผิดฐานจารกรรมในจีนอาจมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
หยาง วัย 54 ปี เคยเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีนจนได้ฉายา “ผู้เผยแพร่ประชาธิปไตย” (democracy peddler) ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ว่าระยะหลังๆ มานี้เขามักจะหลีกเลี่ยงไม่เอ่ยถึงการเมืองจีนมากนัก
มอร์ริสัน ย้ำว่าออสเตรเลียต้องการทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับคดีของหยาง และตลอดจนปกป้องสิทธิของเขาในการเข้าถึงทนายและพบปะครอบครัว
ซาราห์ คอนดอน หนึ่งในทีมทนายชาวออสเตรเลียของหยาง ระบุว่า กระทรวงความมั่นคงจีน (Ministry of State Security) ได้จัดยาให้ หยาง รับประทานทุกวัน หลังตรวจพบว่าเขามีอาการความดันสูงและปัญหาเกี่ยวกับไต
“เรารู้สึกเป็นห่วง เพราะก่อนจะถูกจับเขามีสุขภาพที่ดีมาก” คอนดอน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ “แต่ตอนนี้เขากลับถูกวินิจฉัยว่าป่วย และได้รับยาเป็นประจำ”
วันนี้ (2) นายกฯ มอร์ริสัน ยังได้ประกาศทุ่มงบประมาณ 87.8 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจต่อต้านการแทรกแซงจากต่างชาติ และแม้จะไม่ได้กล่าวพาดพิงจีนตรงๆ แต่เป็นที่รู้กันดีว่าออสเตรเลียนั้นไม่พอใจที่ปักกิ่งแทรกแซงการเมืองภายในแดนจิงโจ้ และพยายามสยายอิทธิพลครอบงำทั่วแปซิฟิก