เซาต์ไชน่ามอร์นิงโพสต์/เอเอฟพี - เหตุเผชิญหน้าระหว่างพวกผู้ประท้วงหัวรุนแรงที่ขังตัวเองอยู่ภายในมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกงกับตำรวจปราบจลาจล ยังคงคุกรุ่นตลอดคืนจนเข้าสู่ช่วงเช้ามืดในวันอังคาร (19 พ.ย.) ขณะที่นักเคลื่อนไหวอีกหลายพันคนรวมตัวกันบนท้องถนนสายต่างๆ ในความพยายามยึดพื้นที่คืนจากตำรวจ
มีนักเคลื่อนไหวที่ได้รับบาดเจ็บราวๆ 40 คนที่ได้รับอนุญาตออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อรักษาตัว แต่พวกเขาอาจเผชิญข้อกล่าวหาหลังจากนี้ ส่วนคนอื่นๆ ยกเว้นแต่พวกผู้สื่อข่าวที่มีเอกสารรับรอง ได้รับแจ้งว่าพวกเขาจะถูกจับกุมทันทีที่ออกมา
แหล่งข่าวตำรวจเผยว่า พวกที่ยอมมอบตัวโดยปราศจากการขัดขืนอาจถูกลงโทษสถานเบา แต่พวกผู้ประท้วงที่ยังปักหลักอยู่ภายในจะต้องตอบคำถามกับกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ด้วยตำรวจไม่ได้แสดงเจตนาว่าจะบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัย ส่วนพวกนักเคลื่อนไหวที่บุกยึดอยู่ก็ไม่ยอมจำนนง่ายๆ ผลก็คือสถานการณ์ติดหล่มอยู่ในทางตัน
Jasper Tsang Yok-sing อดีตประธานรัฐสภา และ Eric Cheung Tat-ming นักวิชาการด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ร่วมกันเดินทางเข้ายังมหาวิทยาลัยโพลิยู ภายใต้การอารักขาของตำรวจตอนเวลาราวๆ 23.00 น. และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเข้าไปภายใน Tsang ตอบว่าเพื่อช่วยเหลือคนที่อยากออกมา
ก่อนหน้านี้กลุ่มต่างๆ มีความพยายามเจรจาหาทางออกอย่างสันติวิธีแต่ล้วนประสบความล้มเหลว ในขณะที่บอร์ดบริหารมหาวิทยาลัย, คณะอาจารย์, ผู้ปกครองและสมาชิกสภานิติบัญญัติ พยายามเข้าไปในมหาวิยาลัย แต่ก็ถูกกีดกันโดยตำรวจ
อีกด้านหนึ่งพอแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า พวกนักเคลื่อนไหวสนับสนุนการใช้ความรุนแรงก็พากันไปรวมตัวกันที่ย่านจอร์แดนและย่านจิมซาจุ่ย ในความพยายามยึดพื้นที่คืนจากตำรวจ ด้วยพวกเขาปะทะกับตำรวจปราบจลาจลในถนนสายต่างๆในเขตเกาลูนตลอดทั้งคืน ท่ามกลางแก๊สน้ำตาและระเบิดเพลิงที่ปลิวว่อนลอยไปมาจากทั้งสองฟากฝั่ง
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประท้วงที่ติดอยู่ในมหาวิทยาลัยฮ่องกงโพลิเทคนิค (โพลิยู) อาศัยความมืดยามค่ำคืนหลบหนีเล็ดลอดสายตาตำรวจออกไปได้บางส่วน โดยอาศัยการโรยตัวลงมาจากสะพานลอย แล้วซ้อนมอเตอร์ไซค์หนีไป
เหตุปะทะในคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ถือว่าไม่หนักหน่วงเท่ากับสถานการณ์ความรุนแรงเมื่อวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) อย่างไรก็ตาม จนถึง 22.00 น. มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่างๆทั้งสิ้น 116 ราย
ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 400 คนนับตั้งแต่ช่วงเย็นวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) หรือเกือบ 1 ใน 10 ของจำนวน 4,500 คนที่พวกเขาดำเนินการจับกุมนับตั้งแต่สถานการณ์ความไม่สงบปะทุขึ้นในเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้จนถึงช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ยังเหลือนักเคลื่อนไหวติดอยู่ภายในมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคอีกหลายร้อยคน เช่นเดียวกับทีมช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บชุดแรกๆ
แมทธิว เฉิง หัวหน้าคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลฮ่องกง ระบุในวันจันทร์ (18 พ.ย.) ว่าลักษณะของการเคลื่อนไหวนั้นเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่คัดค้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ตอนนี้ถูกถอนออกไปแล้ว มาเป็นขบวนการเคลื่อนไหว “ทำลายฮ่องกง”
ในวันจันทร์ (18 พ.ย.) เช่นกัน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เมินคำกล่าวหาจากจีนว่าสหรัฐฯแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง โดยระบุระหว่างแถลงข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศว่ารัฐบาลฮ่องกงต้องเป็นผู้รับผิดชอบในขั้นต้นสำหรับการยุติความรุนแรงในเมืองแห่งนี้ แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น
ความคิดเห็นของ พอมเพโอ มีขึ้นท่ามกลางเหตุเผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงที่มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกง และมีขึ้นหลังจากปักกิ่งส่งสัญญาณเตือนว่าพวกเขาอาจเข้าแทรกแซงเพื่อยุติวิกฤติ
“สหรัฐฯ มีความกังวลใหญ่หลวงต่อสถานการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงทางการเมืองที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในฮ่องกง ในนั้นรวมถึงเหตุเผชิญหน้าระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจที่มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคและมหาวิทยาลัยอื่นๆ” พอมเพโอกล่าว “รัฐบาลฮ่องกงควรเป็นผู้รับผิดชอบแรกสำหรับดึงความสงบสุขคืนสู่ฮ่องกง ความพยายามบังคับกฎหมายเพียงลำพัง ไม่อาจคลี่คลายวิกฤตนี้ได้”
นอกจากนี้แล้ว เขายังเรียกร้องนางแคร์ลี ลัม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ให้เปิดการสืบสวนอย่างเป็นอิสระต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงเพื่อส่งเสริมสำนึกแห่งความรับผิดชอบ “เราขอย้ำเสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในฮ่องกงอดทนอดกลั้น ความรุนแรงไม่ว่าฝ่ายไหนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”