รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ร้องขอให้ศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับหมายศาลชั้นต้น ซึ่งสั่งให้บริษัทบัญชีที่ทำงานให้กับเขาส่งมอบข้อมูลการเสียภาษีย้อนหลัง 8 ปีให้แก่อัยการนิวยอร์ก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ประจำรัฐนิวยอร์กมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ให้อำนาจแก่อัยการในการสั่งให้บริษัทบัญชี Mazars LLP ต้องส่งมอบข้อมูลภาษีของ ทรัมป์ ระหว่างช่วงปี 2011-2018
เจย์ เซคิวโลว์ หนึ่งในทนายความของทรัมป์ ระบุว่า “เราได้ร้องเรียนต่อศาลสูงสุด โดยให้เหตุผลว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถบังคับใช้ได้ และหวังว่าศาลจะทบทวนและเพิกถอนคำสั่งที่อันตรายของศาลอุทธรณ์เสีย”
ทนายของ ทรัมป์ ยังขอให้ศาลสูงสุดพิจารณาด้วยว่า หมายศาลดังกล่าวขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีหรือไม่
ไซรัส แวนซ์ อัยการแขวงแมนฮัตตันซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ต้องการทราบข้อมูลการเสียภาษีย้อนหลังของผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงบริษัท ทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลทรัมป์ เพื่อนำมาประกอบการไต่สวนคดีอาญา
ทนายของ ทรัมป์ อ้างว่า ผู้นำสหรัฐฯ มีเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการถูกดำเนินคดีทางอาญาระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และต่อให้ไม่มีความคุ้มครองดังกล่าว หมายศาลอุทธรณ์ก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้ เนื่องจาก แวนซ์ ไม่ได้ระบุความจำเป็นอย่างเฉพาะเจาะจงที่ต้องขอข้อมูลดังกล่าว
อัยการผู้นี้กำลังตรวจสอบเรื่องที่ ทรัมป์ จ่ายเงินเป็น “ค่าปิดปาก” ผู้หญิง 2 คนซึ่งเขาเคยมีสัมพันธ์สวาทด้วยก่อนจะถึงศึกเลือกตั้งปี 2016 ซึ่ง ทรัมป์ ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
เงินดังกล่าวถูกจ่ายให้แก่ สเตฟานี คลิฟฟอร์ด ดาราหนังโป๊ผู้มีอีกชื่อเรียกในวงการว่า “สตอร์มี แดเนียลส์” และ คาเรน แมคดูกัล นางแบบนิตยสารเพลย์บอย โดยมี ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายส่วนตัวของ ทรัมป์ เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ หากศาลสูงสุดไม่รับคำอุทธรณ์ของทรัมป์ คำสั่งศาลชั้นรองก็จะมีผลบังคับและเปิดทางให้ แวนซ์ เข้าถึงข้อมูลการเสียภาษีของ ทรัมป์ ได้ แต่หากศาลสูงสุดรับอุทธรณ์ คณะผู้พิพากษาก็จะต้องมาคิดกันต่อว่าจะเริ่มไต่สวนคดีภายในเทอมปัจจุบันของศาลซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. หรือไม่ หรือจะรอให้เริ่มเทอมใหม่ในเดือน ต.ค. ปี 2020 ซึ่งถ้าเป็นกรณีหลัง คำพิพากษาก็คงจะออกมาหลังจากที่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. ผ่านพ้นไปแล้ว