เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ - รัฐบาลฮ่องกงในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ระบุว่าไม่มีแผนระงับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หรือกำหนดข้อจำกัดในการถอนเงินสดจากธนาคารต่างๆ กลบกระแสข่าวลือที่แพร่สะพัดบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าอาจมีการประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉินท่ามกลางการประท้วงรุนแรง
“ประชาชนไม่ควรหลงเชื่อข่าวลือลักษณะนี้ ข่าวลือเช่นนี้อาจก่อความปั่นป่วนหรือความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น” ถ้อยแถลงของรัฐบาลฮ่องกงเผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.)
ข่าวลือที่ส่งต่อกันอย่างกว้างขวางผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อย่างเช่น WhatsApp ระบุว่ามีแผนที่จะปิดทำการตลาดหลักทรัพย์ในวันอังคาร (12 พ.ย.)และวันพุธ (13 พ.ย.) ขณะที่สำนักงานต่างๆและเหล่าสถาบันการศึกษาก็จะหยุดเช่นกัน เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยของสังคม
ทั้งนี้ ข่าวลือโหมกระพือหนักหน่วงขึ้นหลังจากเกิดเหตุตำรวจยิงผู้ประท้วงคนหนึ่ง ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างพวกผู้ประท้วงกับตำรวจทั่วเมือง
สถานการณ์ความไม่สงบล่าสุดมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) โจว ซี ลก (Chow Tsz-lok) นักศึกษามหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกงได้เสียชีวิตลง ไม่กี่วันหลังพลัดตกลงมาจากลานจอดรถแห่งหนึ่ง ใกล้กับจุดที่ตำรวจกำลังใช้แก๊สน้ำตาในปฏิบัติการสลายการชุมนุม
เสียงลือหนาหูเกี่ยวกับการปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีขึ้นหลังจากดัชนีฮั่งเส็ง ดิ่งลง 800 จุดหรือเกือบ 3% ระหว่างการซื้อขายในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ตามแรงฉุดของข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯและสถานการณ์การประท้วงรุนแรง
สํานักงานกํากับดูแลการเงินฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority) ซึ่งทําหน้าที่เหมือนธนาคารกลางของฮ่องกง ได้ปฏิเสธข่าวลือต่างๆ เช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้เคยแย้มว่าทางรัฐบาลอาจจำกัดการถอนเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพแก่เงินดอลลาร์ฮ่องกง
“ในการตอบโต้ข่าวลือที่ว่าสํานักงานกํากับดูแลการเงินฮ่องกง จะจำกัดการถอนเงินรายวันจากธนาคารต่างๆ ทางสํานักงานกํากับดูแลการเงินฮ่องกงขอย้ำว่าข้อความนี้เป็นข่าวปลอมโดยสิ้นเชิงและไม่มีมูล ระบบการเงินของฮ่องกงมีความแข็งแรง มีสภาพคล่องเพียงพอตามความต้องการของประชาชน” ถ้อยแถลงระบุ
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสมาคมธนาคารของฮ่องกงเปิดเผยว่าการประท้วงส่งผลให้ธนาคารหลักๆ 15 แห่ง ในนั้นรวมถึงสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด, แบงก์ออฟอีสต์เอเชีย, ฮั่งเส็งแบงค์และสถาบันการเงินทั้งหลายจากแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นไชนา ซิติค แบงก์ และไอซีบีซี เอเชีย ได้ปิดสาขาไปแล้วหลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในจุดล่อแหลมของการชุมนุม