เอเอฟพี - ประธานาธิบดี เอโบ โมราเลส แห่งโบลิเวียประกาศสละตำแหน่งแล้วเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) หลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายความมั่นคงที่สัญญาณเลิกหนุนหลังรัฐบาล หยิบยื่นชัยชนะให้แก่มวลชนที่ออกมาชุมนุมคัดค้านผลการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสนานกว่า 3 สัปดาห์
การตัดสินใจของ โมราเลส มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนพากันยื่นใบลาออก ซึ่งทำให้ฐานอำนาจของผู้นำซึ่งครองตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของโบลิเวียต้องพังทลายลง
เมื่อค่ำวานนี้ (10) ยังคงเกิดเหตุปะทะขึ้นตามท้องถนนในกรุงลาปาซ และอาคารหลายแห่งถูกวางเพลิง หลังจากที่กองทัพโบลิเวียออกมาเรียกร้องให้ โมราเลส สละตำแหน่งเพื่อยุติเหตุจลาจลอันสืบเนื่องมาจากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ถูกครหาว่าเต็มไปด้วยการฉ้อโกง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้แต่ตำรวจเองก็ยังหันไปเข้าร่วมกับฝ่ายผู้ประท้วง ขณะที่กองทัพประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “จะไม่เผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม”
โมราเลส ซึ่งปกครองโบลิเวียมานานเกือบ 14 ปี แถลงว่า “ผมขอสละตำแหน่ง และกำลังยื่นจดหมายไปยังสภานิติบัญญัติ” พร้อมทั้งย้ำว่า ตนในฐานะประธานาธิบดีที่เป็นชนพื้นเมืองและประธานาธิบดีของชาวโบลิเวียทุกคน “มีหน้าที่จะต้องรักษาสันติภาพ”
อย่างไรก็ตาม โมราเลส ได้จุดชนวนความระส่ำระสายโดยทวีตข้อความในเวลาต่อมาว่า ตนถูกตำรวจ “ออกหมายจับอย่างผิดกฎหมาย” และยังอ้างว่ามี “กลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรง” โจมตีบ้านพักของตน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโบลิเวียได้ออกมาชี้แจงผ่านสื่อโทรทัศน์ ยืนยันว่าไม่มีการออกหมายจับประธานาธิบดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รองประธานาธิบดี อัลวาโร การ์เซีย ลิเนรา ก็ได้ยื่นใบลาออกด้วยเช่นกัน
โมราเลส ถือเป็นผู้นำคนสุดท้ายจาก “กระแสสีชมพู” (Pink Tide) ซึ่งหมายถึงการที่ฝ่ายซ้ายทยอยชนะเลือกตั้งขึ้นกุมอำนาจรัฐในละตินอเมริกาเมื่อช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และการลาออกของเขาคาดว่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งภูมิภาค ในห้วงเวลาที่ผู้นำหัวซ้ายหวนคืนสู่อำนาจทั้งในเม็กซิโกและอาร์เจนตินา
ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา และประธานาธิบดี อัลเบร์โต เฟอร์นันเดซ แห่งอาร์เจนตินา ออกมาประณามการชุมนุมประท้วงในโบลิเวียว่าเป็นแผน “ก่อรัฐประหาร” ขณะที่ มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโกประกาศว่า รัฐบาลจังโก้พร้อมยื่นข้อเสนอ “ลี้ภัย” หากว่า โมราเลส ต้องการ
ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศของ โมราเลส ทำให้โบลิเวียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ในละตินอเมริกา ขณะที่สัดส่วนคนจนก็ลดลงครึ่งหนึ่ง ทว่าความพยายามของเขาที่จะยื้ออำนาจเป็นสมัยที่ 4 ทำให้พันธมิตรส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย แม้แต่ในกลุ่มชนพื้นเมืองก็ตาม
พล.อ. วิลเลียมส์ คาลิมาน ผู้บัญชาการกองทัพโบลิเวีย ระบุวานนี้ (10) ว่ากองทัพได้ขอให้ โมราเลส สละตำแหน่งเพื่อเห็นแก่สันติภาพและเสถียรภาพของบ้านเมือง พร้อมกันนั้นก็ขอร้องให้ประชาชนทุกฝ่ายงดใช้ความรุนแรงหรือก่อความวุ่นวาย
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน โมราเลส ได้ยื่นข้อเสนอจัดการเลือกตั้งใหม่ หลังองค์การรัฐอเมริกัน (OAS) ซึ่งเข้ามาตรวจสอบผลการเลือกตั้งโบลิเวียเมื่อวันที่ 20 ต.ค. เผยแพร่รายงานยืนยันถึง “ความไม่โปร่งใสอย่างร้ายแรง” และสรุปว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ควรถูกประกาศเป็นโมฆะ
กฎหมายโบลิเวียกำหนดให้ประธานวุฒิสภารับหน้าที่บริหารประเทศชั่วคราวในกรณีที่ทั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่ง ทว่านาง อาเดรียนา ซัลวาเทียร์รา ประธานวุฒิสภา ก็เพิ่งจะยื่นใบลาออกเมื่อค่ำวานนี้ (10)
ทนายผู้เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญโบลิเวียให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า สภานิติบัญญัติอาจเปิดการประชุมเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมาธิการชั่วคราว หรือเลือกสมาชิกสภาคนใดคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่