รอยเตอร์ - วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุวันนี้ (4 พ.ย.) ว่า “ยังมีเวลาพอ” ที่รัฐบาลไทยจะเปิดเจรจากับสหรัฐฯ กรณีถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในเดือน เม.ย. ปีหน้า
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. สหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกสิทธิพิเศษด้านภาษีภายใต้โครงการ Generalized System of Preference (GSP) สำหรับสินค้าไทย 573 รายการ เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลไทย "ยังไม่มีมาตรการปกป้องสิทธิแรงงานในประเทศที่ได้มาตรฐานสากล"
คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยครอบคลุมสินค้าไทยมูลค่าราว 1,300 ล้านดอลลาร์ (39,200 ล้านบาท) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของทั้งหมดที่อยู่ภายใต้โครงการ GSP โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารทะเลที่จะถูกระงับสิทธิ์ยกเว้นภาษีทั้งหมด
รัฐบาลไทยชี้ว่า การเสียสิทธิ์ GSP จะทำให้สินค้าไทยที่นำเข้าสหรัฐฯ ต้องเสียภาษีศุลกากรประมาณ 60 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเรื่องนี้ได้จุดกระแสต่อต้านอเมริกาขึ้นในหมู่คนไทยบางกลุ่ม
รอสส์ ยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมและรักษาพันธกรณีต่อภูมิภาคเอเชียอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็จะถือเป็นความสะเพร่าหากตนไม่เอ่ยถึงกรณีการตัดสิทธิ์ GSP ที่กำลังเป็นข่าวคึกโครมในไทย
“ยังพอมีเวลาที่เราจะพูดคุยกันในประเด็นสิทธิแรงงาน ซึ่งเป็นที่มาของปัญหา” รอสส์ ระบุ
รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ยังชี้ด้วยว่า สินค้าไทยที่จะถูกตัดสิทธิ์ยกเว้นภาษีนั้นคิดเป็นราวๆ 30% ของทั้งหมดที่อยู่ภายใต้โครงการ GSP และเพียง 0.38% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ซึ่งถือว่า “เล็กน้อยมาก” (trivial)
“ประเด็น GSP ถูกโหมกระพือจนฟังดูเลวร้ายเกินความจริงไปมาก อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่” รอสส์ กล่าว
คำแถลงของ รอสส์ มีขึ้นระหว่างการประชุมธุรกิจอินโด-แปซิฟิกซึ่งจัดขึ้นข้างเคียงการประชุมซัมมิตอาเซียนในวันนี้ (4) โดยมีเป้าหมายชี้แจงเรื่องการลงทุนของสหรัฐฯ และเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของอเมริกาต่อภูมิภาคนี้
การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ต่างพากันโดดประชุมอาเซียนในปีนี้ และส่งเพียงเจ้าหน้าที่ระดับรองๆ เข้าร่วมการประชุม ทำให้ผู้นำหลายประเทศรู้สึกไม่พอใจ และกังวลว่าอาจจะพึ่งอเมริกาให้ช่วยคานอำนาจจีนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทว่า รอสส์ กล่าวย้ำชัดเจนว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตนาทอดทิ้งพันธมิตรในเอเชีย
“รัฐบาลทรัมป์ยังคงมีส่วนร่วมและมุ่งมั่นที่จะรักษาพันธกรณีต่อภูมิภาคนี้อย่างเต็มที่” รอสส์ กล่าว “เราจะเดินหน้าเจรจาข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป”